โบรกฯ กระอัก กำไรหด พิษการเมืองฉุดโวลุ่ม

12 พ.ค. 2562 | 11:45 น.

 

โบรกฯ หืดจับกำไรหด พิษการเมืองฉุดโวลุ่มซื้อขาย  โบรกฯแข่งขันตัดราคาอัดซํ้า! CNS ไตรมาสแรกขาดทุน   ASP-MBKET-TNITY กำไรหาย  48-95%

ปัจจัยการเมืองกดดันภาวะซื้อขายของตลาดหุ้นไทย   โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงต่อเนื่อง จาก 57,673 ล้านบาทต่อวันในปี 2561 ลงมาอยู่ระดับ  41,900  ล้านบาทต่อวันในปัจจุบัน หรือลดลง 27.35% ประกอบกับการแข่งขันด้านราคาค่าคอม  ยิ่งซํ้าเติมฉุดให้กำไรบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไตรมาสแรกหดตัวตามๆ กัน

จากการสำรวจของฐานเศรษฐกิจพบว่า 5 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ส่งงบการเงินแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯในไตรมาสแรก ได้แก่บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จก. (มหาชน) (KGI), บล.เอเซียพลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จก. (มหาชน) (ASP), บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จก. (มหาชน)  (MBKET), บล. โนมูระ พัฒนสิน จก. (มหาชน) (CNS) และบริษัททรีนีตี้ วัฒนา จก. (มหาชน)(TNITY) มีกำไรสุทธิรวมกัน452 ล้านบาท ลดลง 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 723 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีสัดส่วนกว่า50% มีรายได้รวมกันกว่า 810 ล้านบาท ลดลง 44% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำรายได้ 1,440 ล้านบาท 

โบรกฯ กระอัก กำไรหด พิษการเมืองฉุดโวลุ่ม

นายมนตรี ศรไพศาล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จก.(มหาชน) แจงสาเหตุกำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสแรกปีนี้ลดลง 116.65 ล้านบาท จาก 149 ล้านบาท มาเป็น 32.19 ล้านบาทหรือลดลงถึง 78.37% ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลงถึง 39.68% จาก 504.92 ล้านบาทเป็น 304.56 ล้านบาท เป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลง จาก 71,182 ล้านบาทต่อวัน เป็น 45,739 ล้านบาทต่อวัน หรือลดลง 36% และสัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัทลดลงจาก 43.08% เหลือ 36.45%  ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทลดลงจาก 30,662 ล้านบาทต่อวัน เป็น 16,673 ล้านบาทต่อวัน หรือลดลง 45.6% ขณะที่รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 21.64% เป็น 7.70 ล้านบาท โดยเฉพาะรายได้จากค่าที่ปรึกษาทางการเงิน เพิ่มขึ้น 3.30 ล้านบาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน จก.  (มหาชน) ไตรมาส 1/2562 ขาดทุนสุทธิ 10.36 ล้านบาท หดตัวถึง 116% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 63.67 ล้านบาท 

นางสาวกฤษณา กุลปัญญาเลิศ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการเงิน บล.โนมูระ พัฒนสิน แจงรายได้รวมลดลง 208.82 ล้านบาท มาจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 108.46 ล้านบาท หรือลด  ลง 45.58% ส่วนใหญ่เป็นผลจากมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยของตลาดโดยรวมลดลง จากไตรมาส 1/2561 เฉลี่ยต่อวัน 62,319 ล้านบาท มาเป็น  40,051 ล้านบาทต่อวันในไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้จากค่าธรรม เนียมและบริการลดลง 71.58 ล้านบาท หรือลดลง 51.71% แต่มีกำไรจากธุรกรรมอนุพันธ์ทางการเงิน อาทิ  Block Trade-Single Stock Future เติบโต 20.98%

ส่วนบล.เคจีไอฯ เป็นรายเดียวในจำนวนนี้ที่กำไรสุทธิในไตรมาสแรกเติบโต 22% อยู่ที่ 310 ล้านบาท  แม้รายได้จากค่านายหน้าฯจะหดตัว 43% แต่มีรายได้เพิ่มจากผลิตภัณฑ์การลงทุน อาทิ การออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ธุรกิจตราสารอนุพันธ์นอกตลาด การให้บริการซื้อขายตราสารหนี้ ฯลฯ โดยมีกำไรจากส่วนนี้  522 ล้านบาท เพิ่ม  34%

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย  กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อผลประกอบการของโบรกเกอร์ นอกจากมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นที่ลดลงต่อเนื่องแล้ว ประเด็นที่น่าห่วงคือ การแข่งขันราคาค่าคอม โดยเฉพาะช่วง 2 ปีหลัง ที่ลดลงเหลือเพียง 0.11% จากเมื่อก่อนที่อยู่ระดับ 0.15% ซึ่งเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องตามการแข่งขันที่รุนแรง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ฯ กล่าวว่า ปัจจัยการเมืองในประเทศ ยังคงกดดันตลาดหุ้นไทย  สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาลดลงอย่างมาก และตราบที่การเมืองยังอยู่ในภาวะสุญญากาศ  เชื่อว่าภาวะตลาดจะทรงๆ  จนกว่าจะได้นายกรัฐมนตรีและมีรัฐบาลใหม่

 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,469 วันที่ 12-15 พฤษภาคม 2562

                                                  โบรกฯ กระอัก กำไรหด พิษการเมืองฉุดโวลุ่ม