คปภ. เร่งติดตามจ่ายสินไหมทดแทน เหตุวางเพลิงอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯปี 53

08 พ.ค. 2562 | 09:19 น.

คปภ. ติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทน กรณีศาลฎีกามีคำพิพากษาให้บริษัทประกันภัย ชดใช้เงินจากเหตุการณ์วางเพลิงอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2553 สั่งเร่งศึกษาวิเคราะห์เพื่อปรับแนวปฏิบัติ การจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เกิดความชัดเจนและเป็นธรรม

               นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ( คปภ.)เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้บริษัทประกันภัย ชดใช้เงินจากเหตุการณ์วางเพลิงอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ปี 2553ว่า คำพิพากษาศาลฎีกา ถือเป็นลำดับชั้นสูงสุดและเป็นที่ยุติ บริษัทประกันภัยทั้ง 6 บริษัทต้องเคารพและปฏิบัติตาม ซึ่งจากการตรวจสอบทั้ง 6 บริษัทประกันภัยมีฐานะการเงินมั่นคง และได้ตั้ง Outstanding Loss ไว้แล้วตั้งแต่ปี 2553 จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท

คปภ. เร่งติดตามจ่ายสินไหมทดแทน  เหตุวางเพลิงอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯปี 53

               อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาได้วินิจฉัยในตอนหนึ่งว่า เหตุความเสียหายต่อทรัพย์สินตามฟ้องเป็นผลจากมีกลุ่มบุคคลบุกรุกเข้าไปในอาคารตลท.และก่อให้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารจนทำให้ทรัพย์สินของโจทก์ที่ 1-3 ที่อยู่ภายในอาคารและตัวอาคารได้รับความเสียหาย ความเสียหายดังกล่าวจึงเป็นภัยที่เกิดจากเหตุเพลิงไหม้และการกระทำด้วยเจตนาร้าย ซึ่งเป็นภัยที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน

ขณะที่ทางนำสืบของคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายรับฟังได้ว่า เหตุเพลิงไหม้อาคารเกิดขึ้นตอน 15.00 น. หลังแกนนำประกาศยุติชุมนุมตอน 13.00 น. ตลอดจนผู้ก่อเหตุทุบทำลายและเผาอาคารก็มีประมาณ 10 คน ทั้งเป็นกลุ่มบุคคลที่ปิดบังอำพรางใบหน้า และกลุ่มที่มีเจตนาก่อเหตุร้ายแล้วหลบหนีไปทันที โดยไม่มีประชาชนอื่นใดร่วมกระทำการ ซึ่งพยานหลักฐานของจำเลยทั้งหกไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังว่า เหตุเพลิงไหม้ตามฟ้องเป็นผลมาจากการก่อความไม่สงบของประชาชนที่ลุกฮือต่อต้านรัฐบาลและเป็นการก่อการร้ายเพื่อหวังผลทางการเมืองตามข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งหก ดังนั้นจำเลยทั้งหกจึงไม่อาจอ้างข้อยกเว้นความรับผิดชอบตามกรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน

               “คปภ.มีความเห็นเบื้องต้นว่า จำเป็นต้องศึกษาและวิเคราะห์โดยละเอียดว่า จะต้องนำคำวินิจฉัยนี้มาเป็นแนวทางในการปรับปรุงเกณฑ์ในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยหรือไม่ เนื่องจากข้อเท็จจริงในแต่ละกรณีมีความแตกต่างกัน จึงต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริงเป็นกรณีๆไป ซึ่งหากข้อเท็จจริงมีความคล้ายคลึงกัน อาจจำเป็นต้องใช้เกณฑ์ที่เหมือนกัน จึงได้สั่งการให้สายกฎหมายและคดี เร่งศึกษาวิเคราะห์โดยเร็วเพื่อปรับปรุงแนวปฏิบัติการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เงื่อนไขความคุ้มครอง และข้อยกเว้นความรับผิดตามสัญญาประกันภัยให้เกิดความชัดเจน เป็นธรรม และเกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”

ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีประกันภัย หมายเลขดำ 8132/2561 ที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทศูนย์รับฝากทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท แฟมิลี่ โนฮาว จำกัด เป็นโจทก์ที่ 1-3 ยื่นฟ้อง บริษัท นิวแฮมพ์เชอร์อินชัวรันส์ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟอลคอล ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดเรื่องประกันภัย กรณี เหตุวางเพลิงระหว่างการชุมนุมการเมืองปี 2553

               ทั้งนี้โจทก์ที่ 1-3 ได้ทำสัญญาประกันภัยทรัพย์สินที่อยู่ภายในอาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไว้กับจำเลยที่ 1-6 คุ้มครองการเสี่ยงภัยทุกชนิด เงินเอาประกันภัยรวม 3,474.41 ล้านบาท เวลาคุ้มครองตั้งแต่ 31 มกราคม 255331 มกราคม 2554 ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 16 ชดใช้เงินค่าสินไหมให้กับโจทย์ทั้ง 3 รวม 98.057 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2554จนกว่าจะชำระเสร็จ

คปภ. เร่งติดตามจ่ายสินไหมทดแทน  เหตุวางเพลิงอาคารตลาดหลักทรัพย์ฯปี 53