‘เอพี’ พลิกเกมต่าง... เร่งเปิด เพิ่มเวลาขาย

06 พ.ค. 2562 | 02:00 น.

ท่ามกลางตลาดอสังหาฯไทยชะลอเติบโต บีบหลายบริษัทปรับตัว พลิกแผนธุรกิจไปจากเดิม ตั้งแต่ลดจำนวนการลงทุนใหม่ การขยายพอร์ตไปยังตลาดแนวราบ และนิยมสุด คือ การโฟกัสหากลุ่มลูกค้าซื้ออยู่จริงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหมือนกันทุกบริษัท คงเป็นการชะลอเปิดโครงการใหม่ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี เพื่อรอดูผลกระทบจากมาตรการแอลทีวี ก่อนรุกหนักช่วงครึ่งปีหลัง แต่สำหรับบริษัทท็อปฟอร์มอย่าง “เอพี ไทยแลนด์” ด้วยยอดขายสูงสุดมากกว่า 4 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา กลับมองต่าง โดยนายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและสร้างสรรค์ ระบุ กลยุทธ์หลักสำหรับเกมปีนี้ คือ การรุกเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มเวลาขายให้ยาวนานขึ้น และยอดขายตลอดไตรมาสแรกที่ผ่านมาทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท สะท้อนว่า “เรามาถูกทาง”

Q1 คว้ายอดขาย 30%

บริษัทมียอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 รวม 12,585 ล้านบาท สัดส่วนจากคอนโดฯและแนวราบใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ เพราะนับเป็นสัดส่วนถึง 30% จากเป้ารวมทั้งปีที่วางไว้ กว่า 4.1 หมื่นล้านบาท มาจากกลยุทธ์การเร่งทยอยเปิดโครงการใหม่จำนวน 8 โครงการในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มูลค่า 1.32 หมื่นล้านบาทและมีแผนรุกอีก 13 โครงการในไตรมาส 2 (เม.ย-มิ.ย) มูลค่า เกือบอีก 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมทั้ง 2 ไตรมาสจะทำให้ บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้วเกินครึ่งจากเป้าหมายทั้งหมดของปี 2562 ที่ 39 โครงการ มูลค่ากว่า 5.6 ล้านบาท

‘เอพี’ พลิกเกมต่าง...  เร่งเปิด เพิ่มเวลาขาย

วิทการ จันทวิมล

เร่งเปิดเอื้อการขาย

นายวิทการ กล่าวว่า ทั้งนี้การเร่งเปิดโครงการใหม่สวนทางตลาดนั้น เพื่อให้ทีมขายได้มีเวลาขาย หรือ ระบายสต๊อกได้นานขึ้น ผ่านแผนการตลาดกระตุ้นการซื้อ ด้วยโปรโมชัน กลยุทธ์แตกต่างกันในแต่ละโครงการซึ่งจะทยอยออกมาหลังจากนี้ ต่างจากในอดีตที่จะเก็บไว้ไปเปิดในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นหลัก ด้วยความเชื่อ บ้านหรือที่อยู่อาศัยยังคงเป็นที่ต้องการอยู่ ทำให้ต้องเร่งหาซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาให้เร็วที่สุด ซึ่งตลอดทั้งปีวางไว้ที่ 9.5 พันล้านบาท

“ถ้าดูยอดพรีเซลรวมทั้งแนวราบและแนวสูง เราโตขึ้น 32% โดยการเปิดตัวโครงการเป็นตัวช่วยสำคัญ ยิ่งมีเวลาขายเยอะ ยิ่งทำให้ยอดสูงขึ้น”

 

เจาะเซ็กเมนต์บน

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญ นอกจากการเร่งเปิดโครงการใหม่ให้เร็วขึ้นแล้ว มองว่า การเลือกหาทำเล และเจาะระดับราคาที่ตลาดสนใจต้องคำนึงถึงด้วย หลังจากล่าสุดบริษัทเพิ่งเปิดโครงการใหม่ “The Address สยาม-ราชเทวี” มูลค่า 8.8 พันล้านบาท ระดับราคา 2 แสนบาทต่อตร.ม. เป็นการกลับมาของแบรนด์ The Address ในรอบ 8 ปี เพื่อรองรับความต้องการลูกค้ากลุ่มบน ที่ส่วนใหญ่ซื้อด้วยเงินสด และคีย์หลักของลูกค้ากลุ่มนี้ คือ การมองหามูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และจาก 9 โครงการของแบรนด์ดังกล่าว ก็สะท้อนว่า มีอัตราการเติบโตของราคาที่ดิน เฉลี่ย 40% ซึ่งมูลค่านั้นจะมาควบคู่กับทำเลที่มีศักยภาพสูง เช่น ติดแนวรถไฟฟ้าในย่านซีบีดี

“ภาพรวมตลาดบน สถานีสยาม-อนุสาวรีย์ฯ ย้อนหลัง 5 ปี มี 13 โครงการ ตั้งแต่ 1.5-3 แสนบาท/ตร.ม. ยอดขายออกดีแทบทุกโครงการ สะท้อนว่าดีมานด์กลุ่มซูเปอร์ลักชัวรีมีแนวโน้มการเติบโตในตลาดดีต่อเนื่อง”

 

ตั้งรับ LTV

ยอมรับว่าตลอดช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมายอดขายลดลง แต่คงไม่ฟันธงว่ามาจาก LTV ทั้งหมด เพราะเกี่ยวเนื่องกับวันหยุดหลายช่วงด้วย คาดอีก 1 เดือน จะเห็นภาพผลกระทบชัดเจนว่าลูกค้าติดขัดเรื่องใด อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนรองรับระยะยาวแล้ว โดยขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้หลายแนวทาง หวังช่วยเหลือลูกค้า เช่น การออกสินเชื่อส่วนบุคคล สนับสนุนเงินดาวน์ แต่ต้องไม่มีผลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของลูกค้า ขณะเดียวกัน เร่งให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อเตรียมตัวก่อนโอน และพูดคุยกับธนาคารในการช่วยจัดวินัยการออมให้กับลูกค้า ส่วนกรณีรัฐบาลประกาศกระตุ้นภาคอสังหาฯ ด้วยมาตรการทางภาษี เห็นด้วย เพราะเป็นหนึ่งในแนวทางช่วยเหลือลูกค้า และเคยพิสูจน์มาแล้วในอดีตว่ามีผลดีต่อตลาด 

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ื 39 ฉบับ 3,467 วันที่ 5-8 พฤษภาคม 2562