‘ยาง-มัน’ต่อคิวปาล์ม ผลผลิตพุ่งราคาวูบ

ยางพาราน่าห่วง จับตาเปิดกรีดพฤษภาคมผลผลิตทะลักทั่วประเทศ กดราคาลดลง มันสำปะหลังราคาเริ่มแผ่ว เกษตรกรเผชิญร้อน-แล้ง โรครุมผลผลิตวูบ ทำขาดทุน

สถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรสำคัญเวลานี้ นอกจากราคาผลปาล์มนํ้ามันที่ตกตํ่าสุดรอบ 20 ปี เหลือเวลานี้ที่ 1.20-1.60 บาท/กิโลกรัม (กก.) แล้วในส่วนของยางพารา และมันสำปะหลังที่เป็นอีก 2 พืชเศรษฐกิจหลักสถานการณ์แนวโน้มยังน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน

นายสุนทร รักษ์รงค์ นายกสมาคมเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดภาคใต้ และเลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย(สคยท.) กล่าวว่า ราคานํ้ายางสด และยางแผ่นดิบที่เกษตรกรขายได้ที่โรงงานเวลานี้เฉลี่ยที่ 49-50 บาท/กก.ปรับตัวดีขึ้นจากช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ผลจากช่วงนี้เป็นฤดูแล้ง ยางผลัดใบชาวสวนหยุดกรีดยาง ทำให้ผลผลิตมีน้อย ดันราคาขยับขึ้น ที่ห่วงคือช่วงเดือนพฤษภาคมนี้เป็นต้นปีชาวสวนจะเริ่มเปิดกรีดยางอีกครั้ง ผล ผลิตจะออกมามาก ราคายางอาจลดลง (ราคายางที่เกษตรกรต้องการมากกว่า 60 บาท/กก.)

ดังนั้นขอเสนอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการใน 2 เรื่อง 1. การเร่งรัดนำยางพารามาเป็นส่วนผสมในการทำถนนพาราซอยล์ซีเมนต์หมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร (กม.) รวม 7.5 หมื่นหมู่บ้าน  จะช่วยเพิ่มการใช้ยางในประเทศได้อีกประมาณ 3 แสนตัน และ 2. การนำยางพาราในสต๊อกรัฐบาลที่มีอยู่ประมาณ 1 แสนตันมอบให้ท้องถิ่นไปใช้เป็นส่วนผสมในการทำถนนแอสฟัลติกคอนกรีต จะทำให้สต๊อกยางหายไป ซึ่งซัพพลายยางที่หายไปจากทั้ง 2 ส่วนนี้จะช่วยดันราคายางให้สูงขึ้นได้

นายวชิระ ถนัดค้า เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ราคาหัวมันสดที่เกษตรกรขายได้เวลานี้เฉลี่ยที่ 1.80-2 บาทต่อ กก. ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพออยู่ได้ หากได้ผลผลิต 4-5 ตัน/ไร่ แต่ในรายที่กำลังเผชิญกับปัญหาอากาศร้อนและแล้ง มันเป็นโรค ผลผลิตเหลือระดับ 2 ตัน/ไร่ก็จะขาดทุน อีกปัญหาที่เกษตรกรในพื้นที่กำลังประสบคือ ต้นพันธุ์มันสำปะหลังราคาสูง 1.20-1.50 บาท/ต้น จากปัญหาการขาดแคลน เนื่องจากผู้ค้านำไปขายตามชายแดนให้กับเกษตรกรกัมพูชาที่มีปัญหาโรคต้นเน่าและใบด่างรุนแรง โดยขายได้ราคาสูง 1.60-1.90 บาทต่อต้น ปัญหาที่เกิดขึ้นเกษตรกรพยายามช่วยเหลือตัวเอง รอให้ตั้งรัฐบาลได้ก่อน จึงจะได้ขอความช่วยเหลืออย่างไรต่อไป 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,467 วันที่ 5-8 พฤษภาคม 2562