SME กังวลจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ฉุดความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าทรุด

03 พ.ค. 2562 | 08:44 น.


สสว.เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ภาคการค้าและบริการ ในเดือนมี.ค. 2562 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก.พ.62 ชี้เป็นผลจากประชาชนใช้จ่ายซื้อสินค้าช่วงเลือกตั้ง ขณะที่คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ความเชื่อมั่นปรับตัวลดลง จากความกังวลสถานการณ์การเมืองในการจัดต้งรัฐบาลใหม่ ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภค

SME กังวลจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ฉุดความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าทรุด

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการ (TSSI) ประจำเดือนมีนาคม 2562 ว่า  ได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของ SME ทั่วประเทศ จำนวน 1,400 ตัวอย่าง พบว่า ดัชนี TSSI ประจำเดือนมีนาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 101.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่อยู่ระดับ 99.6 ซึ่งความเชื่อมั่นกับมาเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าฐานที่ระดับ 100 อีกครั้ง มีสัญญาณที่ดีจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น

ดัชนี TSSI เดือนมีนาคม 2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า จากองค์ประกอบด้านยอดจำหน่ายและกำไรเป็นหลัก สาเหตุเนื่องจากประชาชนเดินทางกลับไปเลือกตั้ง ประกอบกับเป็นช่วงปิดเทอม ส่งผลให้มีการเดินทางท่องเที่ยวสูงกว่าปกติ และเป็นช่วงเร่งซ่อมแซมอาคารและโรงเรือนภาคการเกษตร อย่างไรก็ตามประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย จะใช้จ่ายเฉพาะที่จำเป็น
สำหรับดัชนี TSSI ไตรมาสที่ 1 ปี 2562 ความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 101.6 จากระดับ 99.6     ในไตรมาสก่อน ผู้ประกอบการกลับมามีความเชื่อมั่นอยู่ในระดับดีในรอบ 12 เดือน จากการใช้จ่ายในเทศกาลต่างๆ ในไตรมาสที่ 1 และความหวังจากการเลือกตั้ง

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคการค้าและบริการของ SME จำแนกตามสาขาธุรกิจ โดยสาขาธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ทางธุรกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี คือ ค่าดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีค่าเกินค่าฐานที่ 100 ได้แก่ สาขาค้าส่งวัสดุก่อสร้าง ค้าปลีกสถานีบริการน้ำมัน บริการด้านสุขภาพและความงาม การท่องเที่ยว สันทนาการ/วัฒนธรรม/การกีฬา ด้านการขนส่งสินค้า ขนส่งมวลชน โรงแรม/เกสต์เฮาส์/บังกะโล และร้านอาหาร/ภัตตาคาร
สำหรับดัชนี TSSI คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 99.6 ผู้ประกอบการยังคง มีความกังวล เนื่องจากประชาชนยังคงไม่ใช้จ่ายตามปกติ กำลังซื้อลดลง ผู้ประกอบการรอดูรัฐบาลใหม่ที่จะมาให้ความชัดเจนของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ผู้ประกอบการ SME ภาคการค้าและบริการ มีข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาล ที่ต้องการให้ภาครัฐดูแลราคาสาธารณูปโภคให้มีความเหมาะสมกับต้นทุนของผู้ประกอบการ ดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ควรมีมาตรการลดหย่อนภาษีช่วยเหลือทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน ต้องการให้ภาครัฐมีโครงการเงินกู้ให้ประชาชนพร้อมทั้งลดข้อกำหนดเพื่อให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น มีแนวทางที่จะสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจ รวมทั้งขยายช่องทางในการกู้ยืม/ลดดอกเบี้ยเงินกู้ ควรยกเลิกภาษีซ้ำซ้อนที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ควบคุมด้านราคาเชื้อเพลิง การลดภาษีการนำเข้า และเน้นส่งเสริมการส่งออกมากขึ้น การลดดอกเบี้ย/ภาษี สำหรับรถยนต์ออกใหม่ การปรับค่าจ้างแรงงาน การปรับโครงสร้างหนี้/แก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ประชาชน
อีกทั้ง ต้องการให้พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้มีความเหมาะสมกับค่าแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้น ต้องการให้พัฒนาทางด้านการศึกษาให้เยาวชนมีความรู้ความสามารถสอดคล้องกับตลาดแรงงานในปัจจุบัน ดูแลค่าจ้างขั้นต่ำให้เหมาะสมกับต้นทุนของผู้ประกอบการ
รวมถึงต้องการให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ในแต่ละจังหวัดมากขึ้นเพื่อเป็นการกระจายรายได้ออกสู่ภูมิภาค และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใหม่เพิ่มเติมให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เร่งหามาตรการในการรักษาความปลอดภัยในการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นอกจากนี้ ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับประชาชนและผู้บริโภคในประเด็นต่างๆ การต่อยอดโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ให้ผู้ถือบัตรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้ เพิ่มมาตรการช่วยเหลือ SME ให้อยู่ได้ต่อไป พร้อมทั้งการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงโครงการต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจรายย่อย สร้าง/พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้ธุรกิจรายย่อย ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงจนเกินไป การแก้ปัญหาระยะยาวด้านมลพิษ (PM.2.5) ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่ และต้องการให้ภาครัฐส่งเสริมในเรื่องของความโปร่งใส การต่อต้านคอร์รัปชัน การจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสม รวมถึงสามารถตรวจสอบได้

SME กังวลจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ฉุดความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าทรุด