"สามมิตร"บุกอาเซียนเปิดโรงงาน"รถดัมพ์-เทรเลอร์"ฟิลิปปินส์ ดันรายได้ 1 หมื่นล้าน

"สามมิตร"ปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ภายใต้ “สามมิตร กรุ๊ป โฮลดิ้ง” รวบ 8 หน่วยธุรกิจจาก 22 บริษัท เชื่อมโยงการทำงานเพิ่มศักยภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิตอล เล็งเปิดโรงงานที่ฟิลิปปินส์ เพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจาก 8% เป็น 25% มุ่งสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาทในปี 2567

นายยงยุทธ โพธิ์ศิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สามมิตร กรุ๊ปโฮลดิ้ง จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามมิตรมอเตอร์สแมนูแฟคเจอริง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โอกาสครบรอบการดำเนินงาน 60 ปี ในปีนี้ สามมิตรได้รีเฟรชแบรนด์เป็นครั้งแรก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Automotive Logistic Solutions for Life's Connections  พร้อมวางโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ ภายใต้ บริษัท สามมิตร กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (SAMMITR GROUP HOLDING) ซึ่งเป็นการรวมธุรกิจในกลุ่มที่มีกว่า 22 บริษัท ผนึกกำลังเสริมความแกร่ง และเสริมศักยภาพด้วยการใช้เทคโนโลยี และ IoT (Internet of Thing) เชื่อมต่อสินค้าและบริการ แบบ O2O (Offline-to-Online) และเชื่อมโยงข้อมูลไปถึงลูกค้า และเครือข่ายพันธมิตร 

สามมิตร กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ประกอบด้วย 8 สายกลุ่มธุรกิจ  ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจรถบรรทุก รถพ่วง 2.กลุ่มธุรกิจอะไหล่ 3.กลุ่มธุรกิจ Pick up Conversion หรือ Pick up ดัดแปลง  ดำเนินธุรกิจผลิตหลังคารถปิคอัพจากเหล็ก รถตู้แห้ง รถตู้เย็นสำหรับรถ Pick up และรับดัดแปลงปิคอัพได้ทั้งคันทั้งช่วงล่างและบอดี้ 4.กลุ่มธุรกิจผู้รับจ้างผลิต หรือ OEM ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ อะไหล่รถ และส่วนประกอบรถบรรทุกต่างๆ  5.กลุ่มยานยนต์พลังงานสีเขียว ผู้ริเริ่มพัฒนาระบบ CNG Vehicle ทั้งจากเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลวมกับ CNG

6.กลุ่มการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ ปัจจุบันมีรายได้เพียง8% จากทั้งกลุ่ม แต่มีแผนเพิ่มเป็น 20-25% จากการเพิ่มการลงทุนขยายตลาดไปยังกลุ่ม CLMV และปีหน้าจะเปิดโรงงานผลิตรถดัมพ์ รถเทรเลอร์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ จากที่มีอยู่แล้วหนึ่งแห่งที่อินโดนีเซีย และจีน 2  แห่ง 

7.กลุ่มธุรกิจอื่นๆ อาทิ การให้บริการด้านบริการขนส่งโลจิกติกส์ก๊าซธรรมชาติพลังงานทางเลือกใหม่ และ8.กลุ่ม SSM Digital Platform  ซึ่งเป็น Cloud-base แพลทฟอร์มที่สามมิตรได้พัฒนาขึ้น สำหรับใช้ในด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ทั้งคนและสินค้า

"ธุรกิจโลจิสติกส์ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจหลักของทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก สามมิตรมุ่งมั่นที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในด้าน Automotive Logistic Solution ในระดับภูมิภาค และขึ้นเป็นแชมป์ Logistic Solution ด้านรถบรรทุก รถพ่วง เพื่อการขนส่งที่ครบวงจร ภายในปี 2567 พร้อมตั้งเป้าหมายรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี   2562 ที่คาดว่าจะทำได้ 7,200 ล้านบาท โต5% เมื่อเทียบกับปี 2561