SCGโอดยอดขายไตรมาสแรกร่วง ทบทวนแผนเติบโตใหม่

29 เม.ย. 2562 | 10:09 น.

 

 

เอสซีจี โอดยอดขายไตรมาสแรกของปีหด 5% ส่งผลกำไรลดเหลือ 1.16 หมื่นล้านบาท ชี้ราคาน้ำมันผันผวนกระทบต้นทุนกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี เตรียมทบทวนแผนเติบโตใหม่ ย้ำยังไม่ลดงบลงทุน 6 หมื่นล้านที่ประกาศก่อนหน้านั้น

 

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือเอสซีจี เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 มีรายได้จากการขาย 112,379 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5% ส่งผลให้กำไรอยู่ที่ 11,662 ล้านบาท ลดลง 6% เนื่องจากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามความต้องการในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงชัดเจน สะท้อนสัญญาณตลาดเคมีภัณฑ์ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก เป็นปัจจัยที่ต้องติดตามเพื่อประกอบการทบทวนเป้าหมายยอดขายปีนี้อีกครั้งว่าจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ 5% หรือไม่

“ขณะนี้ยอมรับว่าเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ตั้งไว้ 5% ไม่น่าจะไหว เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกับปีก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าอีก 3 ไตรมาสที่เหลือจะกวดทันหรือไม่ เนื่องจากความต้องการในตลาดของสินค้าแต่ละตัวอ่อนตัวลง ทำให้เกิดส่วนต่างราคาสินค้าปรับตัวลดลงตามไปด้วย”

SCGโอดยอดขายไตรมาสแรกร่วง ทบทวนแผนเติบโตใหม่

   นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบตลาดโลกอ้างอิงตลาดเบรนท์ที่ปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากต้นปีอยู่ที่ประมาณ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ทำให้มีความกังวลว่ามีแนวโน้มที่ราคาน้ำมันจะเคลื่อนไหวปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลอีกเร็วๆ นี้ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจ 

    ซีอีโอเอสซีจีกล่าวอีกว่า หากแยกผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 ตามรายธุรกิจ พบว่าธุรกิจเคมิคอลส์มีรายได้จากการขาย 46,240 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13%

 “ธุรกิจเคมิคอลส์ ที่นอกจากจะมีโครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP ในเวียดนามที่ดำเนินการได้ตามแผน ยังมีการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products & Services - HVA) ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและอุตสาหกรรม เช่น การร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค ยกระดับมาตรฐานการส่งน้ำประปาผ่านท่อขนาดใหญ่ลอดใต้ทะเลสู่เกาะสมุยเป็นครั้งแรกในไทย เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำและเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค โดยใช้ท่อที่ผลิตจากเม็ดพลาสติก PE112 ซึ่งเป็นนวัตกรรมชั้นนำของโลกที่คิดค้นโดยเอสซีจี ทำให้ท่อมีคุณสมบัติทนแรงดันได้สูงสุดและเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น ร่วมกับ ซีพี ออลล์ และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ในการนำขยะพลาสติกจากสำนักงาน ศูนย์กระจายสินค้า และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น มาผสมกับยางมะตอย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพถนนในพื้นที่บริเวณหน้าร้าน

   ส่วนธุรกิจแพคเกจจิ้งมีรายได้ 21,127 ล้านบาท ลดลง 4% ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีรายได้ 48,310 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ตามการขยายตัวของตลาดซีเมนต์ในประเทศ โดยมีกำไรสำหรับงวด  3,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

SCGโอดยอดขายไตรมาสแรกร่วง ทบทวนแผนเติบโตใหม่

  “ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจีได้จับมือกับคู่ธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับธุรกิจค้าปลีกที่กำลังเติบโต ให้เครือข่ายผู้แทนจำหน่ายในรูปแบบแฟรนไชส์ เช่น SCG Home บุญถาวร และ SCG HOME SOLUTION สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของบ้านและช่างได้อย่างครบวงจร”

    นายรุ่งโรจน์ กล่าวถึงงบลงทุน 60,000 ล้านบาทยังคงเดิมเพราะเป็นแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่วางไว้ แม้เบื้องต้นจะประเมินภาพรวมการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีจะขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แต่หวังว่าจะมีแรงกระตุ้นจากการลงทุนภาครัฐเข้ามาต่อเนื่อง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมากนักไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะหลายโครงการได้มีการประมูลเรียบร้อยแล้ว ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง จึงมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

อย่างไรก็ตามไตรมาสแรกปีนี้  เอสซีจีมียอดขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added Products &

Services - HVA) 45,464 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของยอดขายรวม ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยใช้งบลงทุน

ด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกว่า 1,439 ล้านบาท คิดเป็น1.3% ของยอดขายรวม

SCGโอดยอดขายไตรมาสแรกร่วง ทบทวนแผนเติบโตใหม่