คอนโดฯ ขายอืด ดันตลาดแนวราบทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว แข่งเดือด พลัส พร็อพเพอร์ตี้ คาดครึ่งปีหลัง ความต้องการตลาดสูง จับตายอดขายพุ่งพรวด ด้านโกลเด้น แลนด์ เปิดตลาดบ้านแฝดชนดะ-เนอวานา ลุยบ้านแพง
ปัจจัยการพัฒนาระบบคมนาคมรอบเมือง เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ การพัฒนาถนน ก่อให้การเดินทางเชื่อมเข้าเมืองสะดวก กลายเป็นแรงส่งสำคัญให้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดแนวราบ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และบ้านแฝดกลับมาคึกคักอีกครั้ง อีกทั้งสัญญาณตลาดคอนโดฯอิ่มตัวจากมาตรการรัฐ ผลักดันให้ผู้เล่นนอกเข้ามาในตลาดมากขึ้น ดันมูลค่าเติบโตแตะ 2.6 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เล่นเดิม เร่งพัฒนาโปรดักต์ทั้งดีไซน์และราคา เพื่อรองรับความต้องการใหม่ๆ
นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวว่า จากการสำรวจที่ผ่านมา พบช่วงครึ่งหลังปี 2561 ตลาดแนวราบโดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มีการเติบโตอย่างน่าสนใจ ดีมานด์และซัพพลายไปในทิศทางเดียวกัน ขณะเดียวกัน พบว่าปัจจุบันมีโครงการเก่าหลายแห่งเริ่มขยายเฟสก่อสร้าง และมีซัพพลายของโครงการใหม่ที่เปิดขายสูงขึ้น โดยเกิดจากการที่ผู้ประกอบการต้องการกระตุ้นลูกค้าให้ตัดสินใจซื้อก่อนการบังคับใช้เกณฑ์แอลทีวี ซึ่งระดับราคา 3-5 ล้านบาท ยังคงเป็นกลุ่มหลักของตลาดนี้และทำยอดขายได้ดีในแถบชานเมืองและปริมณฑล
“อสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เป็นสินค้าที่มีความต้องการอยู่อาศัยจริง โดยคาดการณ์ว่าทิศทางที่อยู่อาศัยแนวราบในปี 2562 จะยังได้รับแรงส่งที่ดีจากความต้องการของผู้บริโภคในช่วงปลายปีที่ผ่านมาและผู้พัฒนาเองก็น่าจะมีแคมเปญออกมากระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่องเพื่อจูงใจผู้ซื้อจึงคาดว่าตลาดแนวราบจะเติบโตใกล้เคียงกับปี 2561”
ด้านนายภวรัญชน์ อุดมศิริ กรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาโครงการทาวน์โฮมและนีโอ โฮม บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การดำเนินงานของบริษัทปี 2562 จะมุ่งการทำตลาดในกลุ่มทาวน์โฮม และบ้านแฝดเป็นหลัก เนื่องจากเห็นการเติบโตที่น่าสนใจ พบช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีผู้พัฒนารายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น บางส่วนเป็นผู้พัฒนาหลักในกลุ่มคอนโดมิเนียม แต่ต้องการเพิ่มพอร์ตโปรดักต์ในกลุ่มแนวราบ ทำให้ตลาดปี 2561 ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์โฮม ที่เดิมทีมีผู้เล่นไม่กี่ราย แต่ก็มีรายใหญ่ๆในกลุ่มบ้านแพง หรือเจ้าหลักของคอนโดฯ ลงมาพัฒนาในกลุ่มนี้มากขึ้น เช่น แสนสิริ, เอสซี แอทเสท, อนันดา และออริจิ้น เป็นต้น จึงคาดว่าการแข่งขันในปีนี้จะดุเดือดมากจากบลูโอเชียน กลายเป็นเรดโอเชียน โดยแต่ละรายมีจุดแข็งเรื่องโปรดักต์ที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าบริษัทยังจะเติบโตได้และหวังรักษามาร์เก็ตแชร์ไม่ให้ลดลง
ทั้งนี้ ปี 2562 บริษัทมีเป้าหมายที่ท้าทายกว่า คือการขึ้นแท่นเป็นเบอร์ 1 ของตลาดในกลุ่มบ้านแฝด ด้วยเป้ารับรู้รายได้ที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 106% จาก 1,857 ล้านบาท ซึ่งจะมาจาก Backlog (ยอดขายรอโอน) ในโครงการบ้านแฝดเก่า (นีโอ โฮม) รวม 8 โครงการ และบางส่วนจากโครงการใหม่ที่เปิดตัวในปีนี้มากถึง 6 โครงการ มูลค่ารวม 7 พันล้านบาท ราคาขายกลุ่ม 5 ล้านบาทขึ้นไป เช่น โครงการ โกลเด้น นีโอแจ้งวัฒนะ-เมืองทอง เป็นต้น หลังจากช่วงหลายปีที่ผ่านมา มียอดขายและโอนกรรมสิทธิ์ ดีขึ้นตามลำดับ และด้วยผู้เล่นในตลาดไม่มาก จึงเป็นโอกาสในการบุกตลาด ผ่านราคาที่เข้าถึงได้ ทำเลที่ดี และฟังก์ชันใกล้เคียงบ้านเดี่ยว คาดอนาคตตลาดบ้านแฝดจะมีการแข่งขันมากขึ้น
“แม้ตลาดบ้านแฝดมีสัดส่วนการตลาดไม่มาก ตลาดขนาดเล็กไม่เท่ากับบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์ เพราะอัตราการขายมักช้ากว่าซัพพลายเกิดใหม่ อีกทั้งมีข้อจำกัดด้านราคา ที่หากสูงเกินไปจะแตะใกล้บ้านเดี่ยว แต่ดีมานด์เกิดขึ้นไม่ขาด นับเป็นความท้าทายที่ต้องการเปิดตลาดดังกล่าวอย่างจริงจัง”
ขณะที่ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) โดยนายศรศักดิ์ สมวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวหลังจากเปิดโครงการบ้านเดี่ยว “เนอวานา บียอนด์ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา” มูลค่า 2.6 พันล้านบาท ราคา 28 ล้านบาทขึ้นไป ว่ายังคงมีความเชื่อมั่นต่อตลาดที่อยู่อาศัยไทย โดยเฉพาะในกลุ่มแนวราบบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม เพราะพบลูกค้ายังมีความต้องการสูง นอกจากกลุ่มราคากลาง ตลาดบนราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีโอกาสเติบโตสูง เพราะเป็นตลาดที่ลูกค้ามีกำลังซื้อสูง บางส่วนไม่มีความจำเป็นในการขอสินเชื่อที่ถูกบังคับวางดาวน์สูงโดยกฎเกณฑ์ควบคุมสินเชื่อใหม่ (แอลทีวี) สะท้อนจากยอดขายของโครงการทาวน์โฮม เนอวานา ดีฟายน์ พระราม 9-ศรีนครินทร์ เฟสแรก 80 หน่วยปิดการขายเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเปิดขายใหม่ในเฟสที่ 2 มูลค่าอีก 800 ล้านบาท และแม้แต่ตลาดต่างจังหวัด โครงการบ้านเดี่ยวที่จังหวัดอุดรธานี ระดับราคา 25 ล้านบาทยังมียอดขายเกิดขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน
“ภาพรวมอสังหาฯปีนี้ พบลูกค้าในกลุ่มแนวราบ ยังมีความต้องการซื้อ เริ่มมองหาบ้าน และราคาในทำเลที่ดี โดยเฉพาะตลาดบน ส่วนกลุ่มที่ต้องการใช้สินเชื่อเยอะๆ คงชะลอไปบ้าง อย่างไรก็ตาม การพัฒนาบ้านดีกว่าคอนโดฯ ทำไป ขายไป ไม่เสี่ยง”
ทั้งนี้ ปี 2562 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบใหม่อีก 3 โครงการ ทำเลพัฒนาการ และบางนา ทั้งรูปแบบร่วมทุนและพัฒนาเอง ระดับราคาขาย 10 ล้านบาท และ 23 ล้านบาทขึ้นไป
หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่39 ฉบับที่ 3,465 วันที่ 28 เมษายน-1พฤษภาคม 2562