กรุงศรีปลื้มยอดบัตรพุ่ง12% ทั้งปีแตะ3.2แสนล.

กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยยอดบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล ไตรมาสแรกโตทะลุ 12% ยอดใช้จ่ายแตะ 1.3 แสนล้านบาท คาดโตต่อเนื่อง ทั้งปีแตะ 3.2 แสนล้านบาทตามเป้า สินเชื่อ 9 หมื่นล้านบาท ยันหนี้เสียตํ่า เหตุคัดกรองลูกค้าตามเกรดพฤติกรรมชำระหนี้  มีวินัยการเงิน

นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลไตรมาส 2 ยังคงขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ที่ขยายตัวได้ค่อนข้างดี โดยมียอดใช้จ่ายผ่านบัตร(Spending) ช่วงเดือนมกราคม-15 เมษายน อยู่ที่ 1.3 แสนล้านบาท เติบโตราว 12% โดยมียอดสินเชื่อที่ 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 8-9% ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มเฟิร์สช้อยส์เป็นหลัก โดยกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตยังเป็นกลุ่มที่ขยายตัวได้ดี เช่น บัตรกลุ่มเซ็นทรัลและโรบินสัน รวมถึงต่างจังหวัดที่มีอัตราเติบโตสูงกว่ากรุงเทพฯพอสมควร

แนวโน้มไตรมาส 2 ที่ขยายต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการใช้ช่วงเปิดเทอม แม้ว่ายอดการเบิกเงินสดล่วงหน้า (Cash Advance) จะเบิกไปก่อนแล้วช่วงสงกรานต์ แต่เชื่อว่า ความต้องการจะเพิ่มขึ้น ซึ่งหากเทียบยอดใช้จ่ายที่เกิดขึ้นช่วงสงกรานต์พบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปีนี้ขยายตัว 4-5% ส่วนหนึ่งมาจากยอดใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่มีการขยายตัวสูงถึง 15-20% ถือว่าเติบโตดีมาก

ดังนั้น หากดูทิศทางการขยายตัว คาดว่าทั้งปีน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัว 12% หรือเป็นเม็ดเงิน 3.2 แสนล้านบาท มียอดสินเชื่อ 9 หมื่นล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีจะมียอดคงค้างทั้งในส่วนของบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 1.45 แสนล้านบาท โดยเป็นจำนวนบัญชีบัตรเครดิต 1.6 แสนราย และสินเชื่อส่วนบุคคล 1.25 แสนบัญชี จากฐานลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายสมํ่าเสมอ(Active)ที่ 3.8 ล้านคน โดยหมวดที่น่า
จะเติบโตต่อเนื่องยังเป็นช็อปปิ้งออนไลน์ โปรแกรมผ่อนชำระ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น แอร์ มือถือ ที่เป็นฤดูกาลที่ออกรุ่นใหม่ หรือยอดขายแอร์ในช่วงน่าร้อน

อย่างไรก็ตาม แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จะมีมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน หรือสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล แต่บริษัทยังขยายตัวได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากคนที่อยู่นอกระบบเข้ามาในระบบมากขึ้น ขณะที่คุณภาพสินเชื่อค่อนข้างดี เป็นผลมาจากการคัดกรองลูกค้าออกเป็นเกรดต่างๆ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาจะอยู่ในเกณฑ์ A และ B กว่า 80% ของลูกค้าใหม่ที่เข้ามา ซึ่งนิยามของลูกค้ากลุ่มนี้จะมีประวัติชำระเงินค่อนข้างดี มีวินัย แม้ว่ากลุ่ม B จะชำระล่าช้าบ้าง นอกจากนั้นยังดูพฤติกรรมการชำระหนี้ของลูกค้าหลังจากเข้ามาแล้ว 3-6 เดือนด้วย

ดังนั้นจึงทำให้ อัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ลดลงจากปี 2561 โดยขณะนี้เอ็นพีแอลสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่ที่ 1.05% จากปีก่อน 1.2% และเอ็นพีแอลสินเชื่อส่วนบุคคล 2.4% จากปีก่อน 2.8% คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ เอ็นพีแอลน่าจะทรงตัวไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก นอกจากนั้น ส่วนหนึ่งที่เอ็นพีแอลตํ่ามาจากผู้ถือบัตรที่มีอายุเฉลี่ยที่ 48 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีคุณภาพและมีรายได้ค่อนข้างสูงเฉลี่ยมากกว่า 3 หมื่นบาทต่อเดือน

“เราไม่ได้เพิ่มหรือปรับหลักเกณฑ์อะไรให้เข้มงวด แต่มีการคัดเกรดลูกค้าตามพฤติกรรมการชำระหนี้ ทำให้พอร์ตเอ็นพีแอลเราค่อนข้างดี และปรับลดลงจากปีก่อน” 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,465 วันที่ 28 เมษายน - 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2562