แนวโน้มครอบครัวขยาย ธุรกิจสตาร์ทอัพ กลุ่มเอสเอ็มอีมาแรง ส่งผลความต้องการที่อยู่อาศัยยุคใหม่ และออฟฟิศขนาดเล็กเพิ่มสูงขึ้น 4 กลุ่มธุรกิจจับมือ ดันนวัตกรรมบ้านเหล็ก "บล็อกซ์" ลงชิงแชร์ตลาด ชูจุดเด่น ต้นทุนต่ำ ไร้ฝุ่น ต่อเติมง่าย และสร้างเสร็จวันเดียว เล็งยอดขายปีแรก 150 ล้าน จาก 500 หลัง
นายจินต์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท บล็อกซ์ จำกัด ผู้พัฒนานวัตกรรมก่อสร้างที่อยู่อาศัยไทย กล่าวว่าจากประสบการณ์กว่า 20 ปีในธุรกิจออกแบบอาคารและการก่อสร้าง พบปัจจุบัน ความต้องการของตลาดเปลี่ยนแปลงไปมาก เกิดครอบครัวขยาย ต้องการพื้นที่ส่วนตัวสำหรับบุตรหลานที่กำลังโต และห้องสำหรับการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น อีกทั้งพัฒนาการของเทคโนโลยีและวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะผนังฉนวนกันความร้อนสำเร็จรูป (INSULATED/SANDWICH PANEL) ที่นิยมใช้ในการก่อสร้างโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ ห้องเย็น ส่วนผลิตอาหารและยาที่ต้องมีความสะอาดและปลอดภัยสูง ซึ่งมีความก้าวหน้าด้านการทำพื้นผิวที่สวยงามและมีหลากสี จึงเล็งเห็นโอกาส ที่จะนำวัสดุและเทคโนโลยีเหล่านี้ มาใช้สำหรับสร้างบ้าน ที่อยู่อาศัย หรือออฟฟิศขนาดเล็กในรูปแบบทันสมัยอยู่สบายได้
ทั้งนี้ ได้ร่วมกับ บริษัท วิน วิน โฮลดิ้ง จำกัด ,บริษัท มั่นคง สตีล จำกัด และบริษัท เดอะ สตีล จำกัด ริเริ่มพัฒนานวัตกรรมบ้านขนาดเล็ก หรือ "บล็อกซ์ " โดยใช้โครงสร้างเหล็กชุบสังกะสี ที่มีความแข็งแรง น้ำหนักเบา และใช้ผนังฉนวนกันความร้อนสำเร็จรูปชนิด PIR ที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากลเรื่องการลามไฟ และไม่มีสารพิษ ทำให้สามารถติดตั้ง หรือรื้อถอน เพื่อเคลื่อนย้ายและนำไปติดตั้งในที่ใหม่ได้สะดวก รวดเร็วภายใน 1 วัน ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นหรือเสียงรบกวนมากในระหว่างการก่อสร้าง และทำให้ต้นทุนในการผลิตและติดตั้งไม่สูงมากนัก หวังรองรับความต้องการของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก และกลุ่มลูกค้าครอบครัวขยาย
" ความต้องการที่อยู่อาศัยและสำนักงานขนาดเล็กเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มเอสเอ็มอีซึ่งมีจำนวนคิดเป็นกว่า 90% ของภาคธุรกิจไทยมีการเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับ GDP ของไทย รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงเชิงสังคม ทั้งจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นและคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัว”
นอกจากนี้ นายจินต์ ยังคาดว่า ในอนาคตตลาดนวัตกรรมบ้านขนาดเล็กนี้จะมีโอกาสเติบโตสูง หลังจากวิธีการก่อสร้างโดยการก่ออิฐ เสริมเหล็ก แบบเดิมๆ จะลดสัดส่วนลง และจะถูกทดแทนด้วยบ้านสำเร็จรูปมากขึ้น หลังจากปัจจุบันเริ่มมีข้อจำกัดในเรื่องจำนวนแรงงาน และความถนัดชำนาญของช่างลดน้อยลง อีกทั้งรูปแบบการก่อสร้างแบบเก่าๆ มักตามมาด้วยปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นมลพิษทางอากาศตามมา ซึ่งการสร้างบ้านด้วยนวัตกรรมใหม่ ไร้น้ำและฝุ่น จะเป็นหนึ่งในทางออกของปัญหา
ด้านนายรุจิระ จิระพงษ์ตระกูล ผู้จัดการโรงงาน บริษัท เดอะ สตีล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “นวัตกรรมบ้านเหล็ก" จะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะการใช้เหล็กที่มีคุณภาพมาตรฐานสากลในการสร้างบ้านจะช่วยให้สร้างบ้านได้เร็วขึ้นมาก และไม่ก่อให้เกิดมลภาวะในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ และในฐานะผู้ผลิตโครงสร้างเหล็กชั้นนำของไทย มีกำลังการผลิตเพียงพอที่จะผลิตโครงสร้างบ้านสำเร็จรูปป้อนตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ทั้งนี้ นวัตกรรมบ้านเหล็ก มี 3 แบบหลัก ได้แก่ BLOX Biz ขนาด 15 ตารางเมตร เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างสำนักงาน หรือร้านค้าเล็กๆ เช่น ร้านกาแฟ ฯลฯ บนที่ของตนเอง BLOX Junior ขนาด 25.5 ตารางเมตรสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างอิสระ สามารถใช้อยู่อาศัยหรือเป็นห้องทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนตัวได้ และ BLOX Senior ขนาด 36 ตารางเมตร ออกแบบในแนวคิด universal design สำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะ ให้ความสะดวกปลอดภัยทั้งผู้สูงวัยและผู้ดูแล นอกจากนี้ยังมีอีก 2 แบบในช่วงแนะนำ คือ MINI ขนาด 15 ตารางเมตร และ MINI Plus ซึ่งมีขนาด 18 ตารางเมตร สำหรับผู้มีพื้นที่จำกัดหรือต้องการเริ่มธุรกิจหรือสร้างห้องกิจกรรมเล็กในงบประมาณที่พอเหมาะ โดยคาดว่ายอดขายในปีแรกไม่ต่ำกว่า 500 หลัง หรือ 150 ล้านบาท