ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...

23 เม.ย. 2562 | 12:25 น.

ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3464 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 25-27 เม.ย.2562 โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

 

ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน!

‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...

 

 

                ราชกิจจานุเบกษา ประกาศใช้พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 ไปเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2562 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน เป็นต้นไป ถือว่าเป็นการปฏิวัติการทำงานในตลาดทุนอย่างเข้มข้นที่สุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เข้มข้นแรก...คือการกระชับอำนาจของสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยที่หน่วยงานอื่นได้แต่อ้าปากค้าง             

                ฉบับที่แล้ว ผมเล่าให้ฟังเรื่องการสรรหาโควตาที่นั่งบอร์ด ตลท. ที่กำหนดให้มาจากโควตา ตลาดหุ้น สมาชิก เพียง 4 ที่นั่ง จากเดิม 5 ที่นั่ง และมาตามโควตาของ ก.ล.ต.ถึง 6 ที่นั่ง จากเดิม 5 ที่นั่ง...บอกให้รู้กันว่า ใครใหญ่กว่าใคร...ใครคุมใคร เข้มข้นต่อมาคือ ก.ล.ต.สามารถกำกับดูแลการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ที่หลากหลาย เหมาะสมกับรูปแบบการประกอบธุรกิจและได้สัดส่วนกับความจำเป็นในการคุ้มครองผู้ลงทุน โดย ก.ล.ต. อาจประกาศกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่ประกอบธุรกิจในลักษณะตามที่กำหนดได้รับยกเว้นการปฏิบัติหรือปฏิบัติแตกต่างไปจากบทบัญญัติเดิมทั้งหมด หรือแต่เพียงบางส่วนก็ได้     

                เรื่องนี้เป็นที่บาดใจของบรรดาโบรกเกอร์ ที่ลงทุน ลงแรง สร้างคน สร้างระบบตามกลไกใบอนุญาตที่ ก.ล.ต. พยายามขีดเส้นให้เล่นมาในอดีตอย่างหนักหน่วง...   

                เข้มข้นหนักกว่า คือการออกกฎหมายมาให้อำนาจ ก.ล.ต.ล้วงเงินออกจากกระเป๋า สนง.ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ทำมาหาได้จากค่าธรรมเนียมที่เก็บจากบริษัทจดทะเบียน การซื้อขายหลักทรัพย์ งานรับฝากหลักทรัพย์ ค่าบริการข้อมูล รวมไปถึงรายได้อื่นๆ เช่น รายได้จากการอบรมความรู้ การจัดสัมมนาการลงทุน ฯลฯ ออกไปแทบเกลี้ยง...จนตลาดหุ้นเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน...ไม่ก็เหลือแต่กระดูก        

                กฎหมายฉบับนี้เขาว่าอย่างไรนะหรือครับ...เขาให้มีการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนหรือ CMDF ขึ้นมา โดยกำหนดให้โอนเงินออกไปประเดิมจำนวน 5,700 ล้านบาทจากกำไรสะสมของตลาดหุ้นไปให้กองทุน CMDF 

                กองทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้นมา เพราะเขาต้องการให้มีการแยกบทบาทระหว่างการพัฒนาตลาดทุนกับบทบาทการเป็นศูนย์กลางซื้อขายหลักทรัพย์    

                ทำเป็นเล่นไป ต่อไปนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเหลือแต่ตัวเปล่าๆ...          

                เพราะกฎหมายเขากำหนดชัดว่า จะต้องนำส่งผลรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ภาษี การดำเนินการตามปกติไม่น้อยกว่า 90% ออกไปให้ยังกองทุน CMDF 

                อะฮ่า...ตลาดหุ้นจ๋า เงินลาก่อน...  

                เรื่องแบบนี้น้อยเสียเมื่อไหร่ละจ๊ะ... ตลาดหุ้นนั้นมีรายได้ไม่น้อยนะขอบอก และเป็นเงินนอกงบประมาณเสียด้วย ไม่ต้องขอเงินจากรัฐ ไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐ แต่เรียกเก็บจากสมาชิกและการให้บริการที่กฎหมายให้อำนาจไว้            

                ปีหนึ่งๆ ตลาดหุ้นเงินรายได้ตกประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท และที่ตลาดหุ้นนั้นมีประสิทธิภาพในการจัดการ มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายอยู่ปีละประมาณ 1,100-1,500 ล้านบาท                       

                ปี 2557 ตลาดหุ้น มีรายได้ 5,237 ล้านบาท มีรายจ่าย 3,082 ล้านบาท เหลือกำไร 1,535 ล้านบาท 

                ปี 2558 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำรายได้ 5,215 ล้านบาท มีรายจ่าย 3,335 ล้านบาท ฟาดกำไรไป 1,382 ล้านบาท            

                ปี 2559 ตลาดหุ้นมีรายได้ 6,047 ล้านบาท มีรายจ่าย 3,694 ล้านบาท ฟันกำไรไป 1,759 ล้านบาท

 

ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...

                ปี 2560 ตลาดหุ้นมีรายได้ 6,332 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 3,818 ล้านบาท มีรายได้สูงกว่ารายจ่ายซึ่งก็คือกำไร 1,833 ล้านบาท นับตั้งแต่ 90 วันเป็นต้นไป ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องโอนเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดเป็นจำนวนหรือมูลค่า 5,700 ล้านบาท ไปให้แก่กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้บังคับใช้       

 

ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...

                และเงินรายได้ต่อไปที่ต้องโอนออกไปให้แก่กองทุนฯ ไม่น้อยกว่า 90% นั้น ต้องดำเนินการภายใน 150 วัน นับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน...สลบมั้ยขอรับนายท่าน...  

                ผมเล่ามาอาจไม่เห็นภาพ ไปดูกฎหมายรายมาตราในเรื่องนี้กัน มาตรา 26 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา 182/1 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 “มาตรา 182/1 ให้ตลาดหลักทรัพย์นำส่งเงินให้แก่กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนตาม มาตรา 218/2 ภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันสิ้นปีปฏิทิน ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบของ รายได้หลังหักค่าใช้จ่าย ภาษี และเงินสำรอง ทั้งนี้ ให้ใช้งบการเงินรวมของตลาดหลักทรัพย์ในการคำนวณจำนวนเงินนำส่ง การกันเงินสำรองตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามประเภทและจำนวนที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์กำหนด และให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการกันเงินสำรองดังกล่าวไว้ในลักษณะที่ประชาชนสามารถเข้าตรวจดูได้”

 

ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...

ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...

                มาตรา 218/2 ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกว่า “กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน” มีฐานะเป็นนิติบุคคลและมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนในเรื่องดังต่อไปนี้  

 

ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...

 

          

                (1) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุน         

                (2) ส่งเสริมให้มีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนหรือการกำกับดูแล ตลาดทุน                         

                (3) เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดทุน การลงทุน และการพัฒนาตลาดทุน ให้แก่ ผู้ลงทุน ประชาชน หน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง

                (4) ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษา วิจัย อบรม และพัฒนาองค์ความรู้หรืองานวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดทุน มาตรา 218/3 กองทุนประกอบด้วยเงินและทรัพย์สิน ดังต่อไปนี้

                (1) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาจากตลาดหลักทรัพย์      

                (2) เงินที่ได้รับตามมาตรา 182/1                                    

                (3) เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้                            

                (4) ดอกผลหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุน       

   

    ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...     

ก.ล.ต.พ่อทุกสถาบัน! ‘ตลาดหลักทรัพย์’ เป็นแค่เบ๊...  

                              

                มาตรา 218/4 ให้กองทุนมีอำนาจกระทำกิจการต่างๆ ภายในขอบวัตถุประสงค์ตามมาตรา 218/2 การลงทุนหาผลประโยชน์จากเงินและทรัพย์สินของกองทุน การจัดตั้งนิติบุคคล การเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่น หรือการถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการกองทุนกำหนดมาตรา 218/5 ให้กองทุนมีอำนาจจ่ายเงินจากกองทุนในเรื่องดังต่อไปนี้            

                (1) การดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน      

                (2) การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพย์ฯตามมาตรา 218/6   

                (3) ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของกองทุน

                (4) ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกองทุนกำหนด        

                มาตรา 218/6 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดหลักทรัพย์ฯหรือกรณีที่มีพฤติการณ์พิเศษ และตลาดหลักทรัพย์ฯจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุน คณะกรรมการกองทุนอาจพิจารณาให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ตลาดหลักทรัพย์โดยอาจกำหนดเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรได้       

                เป็นไงละครับ...ตลาดหุ้นจะทำหน้าที่เพียงแค่ศูนย์กลางซื้อขายหุ้นเท่านั้นแหละขอรับ ส่วนก.ล.ต.เป็นพ่อของทุกสถาบันทันที...ใช่มั้ยครับ