ศรีสุวรรณพบ กกต.ยื่นข้อมูลเพิ่มปมโอนหุ้นสื่อ “ธนาธร”

23 เม.ย. 2562 | 04:10 น.

 ‘ศรีสุวรรณ’พบ กกต.ยื่นข้อมูลเพิ่ม หลังพบพิรุธ “ปิยบุตร”แถลงข่าวแก้ต่างกรณีโอนหุ้น วี-ลัคมีเดียของ “ธนาธร”

  ศรีสุวรรณพบ กกต.ยื่นข้อมูลเพิ่มปมโอนหุ้นสื่อ “ธนาธร”

23 เม.ย. 62 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าในวันนี้ (23 เมษา 62) เวลา 13.00 น. สมาคมฯจะเดินทางไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อ กกต. เพื่อให้เป็นข้อมูลในการพิจารณาวินิจฉัยของที่ประชุมคณะกรรมการฯ ในการชี้พิรุธคำแถลงของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ออกมาแถลงแก้ต่างให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เกี่ยวกับปัญหาของการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัคมีเดีย จำกัด

 

  ศรีสุวรรณพบ กกต.ยื่นข้อมูลเพิ่มปมโอนหุ้นสื่อ “ธนาธร”

 

โดยก่อนหน้านี้นายธนาธร ยืนยันมาตลอดว่า โอนหุ้นให้กับแม่ คือนางสมพร ไปแล้วก่อนสมัครรับเลือกตั้งและขณะทำนิติกรรมการโอนนั้นตนอยู่ กทม. แต่ปรากฏข้อมูลจากสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่าวันดังกล่าว นายธนาธรลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ หาเสียงอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ โดยปรากฏภาพข่าวผ่านเว็บไซต์สำนักข่าวหลายๆแห่ง และเมื่อวันที่ 22 เมษาที่ผ่านมานายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ได้ออกมาแถลงแก้เกี้ยวว่า

 

“ในวันที่ 8 ม.ค.นั้นนายธนาธรได้หาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ในช่วงเช้า และขึ้นเวทีในช่วงบ่าย ก่อนที่จะขึ้นรถตู้กลับมาจาก จ.บุรีรัมย์ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อจะมาทำภารกิจในการโอนหุ้น โดยมีหลักฐานเป็นค่าใบเสร็จอีซี่พาสชัดเจนว่านายธนาธรได้มาถึงกรุงเทพประมาณ 4 โมงเย็น โดยข้อมูลในใบเสร็จอีซี่พาสระบุว่าเป็นช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมง และในวันที่ 8 ม.ค.นายธนาธรก็ได้นอนค้างอยู่ที่บ้าน ก่อนที่วันที่ 9 ม.ค.นายธนาธรจะได้เดินทางด้วยเครื่องบินไปทำภารกิจที่ จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงเช้า”

  ศรีสุวรรณพบ กกต.ยื่นข้อมูลเพิ่มปมโอนหุ้นสื่อ “ธนาธร”

จากการตรวจสอบข้อมูลในใบเสร็จอีซี่พาส ที่ทางพรรคอนาคตใหม่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณชนโดยสำนักข่าวอิศรานั้น พบว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ได้มีการใช้บัตรอีซี่ พาส ขาเข้าที่ด่านธัญบุรี ช่องทางที่ 14 โดยเวลาที่ผ่านด่านเก็บเงินที่ 14.57 น. ขณะที่รายชื่อของเจ้าของบัตรอีซี่พาสดังกล่าวนั้นแม้จะถูกปิดเอาไว้แต่ก็ปรากฏว่ามีไม้หันอากาศ และตัวการันต์เป็นส่วนประกอบของชื่อด้วย จึงไม่ใช่บัตรอีซี่พาสของนายธนาธร? นอกจากนั้นการเดินทางจากอ. สตึก จ.บุรีรัมย์ มายังด่านธัญบุรีต้องใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง 27 นาที เพราะมีระยะทางประมาณ 402 กิโลเมตร

 

ดังนั้นถ้าหากนำเวลา 14.57 น.ที่นายธนาธรได้เดินทางมาถึง ด่านธัญบุรีไปหักลบด้วยเวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง 27 นาที ก็จะพบว่านายธนาธรนั้นน่าจะออกจาก อ.สตึกประมาณ 9.30 น. ถึงจะเดินทางมาถึงด่านธัญบุรี ในเวลา 14.57 น.ได้ โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 73 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

แต่เมื่อนำไปเทียบเคียงกับคำชี้แจงของ นายปิยบุตร ที่ระบุว่า “ในวันที่ 8 ม.ค.นั้นนายธนาธรได้หาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ในช่วงเช้าและขึ้นเวทีในช่วงบ่าย ก่อนที่จะขึ้นรถตู้กลับมาจาก จ.บุรีรัมย์ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อจะมาทำภารกิจในการโอนหุ้น จะพบว่า ค่อนข้างจะเป็นไปได้ยาก นายธนาธรจะเดินทางออกจากบุรีรัมย์ในช่วงบ่าย และมาถึงด่านธัญบุรี ช่องทางที่ 14 ในช่วงเวลา 14.57 น. ระยะเวลาห่างกันแค่ไม่ถึงสองชั่วโมง ตามที่นายปิยบุตร กล่าวอ้าง และมาถึงที่ด่านทับช้าง ในเวลา 15.14 น.ได้อย่างไร ยกเว้นจะใช้รถแข่ง F1 ซิ่งมาเท่านั้น

 

นอกจากนั้น ในคำแถลงของนายปิยบุตรแทนนายธนาธรนั้น สิ่งที่ไม่พูดถึงเลย คือ หลักฐานการโอนเงินค่าซื้อขายหุ้นเข้าบัญชี คือไม่มีสเตตเมนท์ธนาคาร เพราะหลักฐานอื่น ๆ สามารถทำปลอมได้ทั้งหมด ซึ่งการโอนไปโอนมาระหว่างภรรยาของนายธนาธรให้กับนางสมพร แม่ของธนาธร และจากนางสมพรไปให้หลานอีก 2 คนนั้น ไม่ปรากฏว่า มีเช็คหรือมีหลักฐานตราสาร รวมทั้งสเตตเมนท์ของธนาคารมาแสดงให้ดูให้ครบทั้งหมดแต่อย่างใด

 

หลักฐานอีกประการที่ไม่มีการนำมาโชว์คือ หลักฐานการเป็นหนี้ที่นายปิยบุตรแถลงว่าเป็นหนี้สูญ 10 ล้านบาทนั้น เป็นหนี้จริงหรือไม่ มีเอกสารทางบัญชี กำไร-ขาดทุนโดยผู้ตรวจสอบบัญชีมารับรองหรือไม่ มีการฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมายแล้วหรือไม่ เพื่อให้เป็นหนี้สูญโดยชอบด้วยกฎหมาย

 

ประเด็นที่นายปิยบุตรอ้างว่า นางสมพรแม่ของนายธนาธรโอนหุ้นให้ หลาน 2 คน เพราะบริษัทยังมีหนี้อยู่ 10 ล้านบาท ต้องการทวงหนี้ และอยากให้หลาน 2 คนเรียนรู้นั้น เป็นเรื่องที่เลื่อนลอย ไม่ใช่การปฏิบัติทางธุรกิจตามปกติทั่วไป เพราะการทวงหนี้เพียงให้พนักงานบริษัทธรรมดาๆไปทวง ทำหนังสือเรียกให้ชำระหนี้ หรือให้ทนายความยื่นโนติสก็สามารถทำได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ถือหุ้นเป็นคนทวง ข้ออ้างของนายปิยบุตรเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล หากหลาน 2 คนอยากเรียนรู้การทวงหนี้ ก็แค่ทำหนังสือมอบอำนาจจากบริษัทรับงานทวงหนี้ไปทำได้เลย

 

อีกประการหนึ่ง นายปิยบุตรอ้างว่า เมื่อโอนหุ้นให้หลาน 2 คนไปแล้ว ไปทวงหนี้พบว่าหนี้เป็น NPL ไม่สามารถชำระหนี้ได้ หลานจึงโอนหุ้นกลับให้นางสมพรเพื่อปิดบริษัท นี่ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลทางธุรกิจอีกเช่นกัน เพราะบรรดาผู้ถือหุ้นที่เหลืออยู่ก็สามารถปิดบริษัทเองได้ และจะสะดวกกว่าเพราะแม่ของธนาธรอายุมากแล้ว และประเด็นทางกฎหมายข้างต้น คือ การจะแทงหนี้สูญ หากเป็นหนี้ก้อนโตจะจำหน่ายหนี้สูญให้ถูกกฎหมายและมาตรฐานทางบัญชี จะต้องฟ้องดำเนินคดีตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกฎกระทรวงฉบับที่ 186 (พ.ศ.2534) มิใช่ว่าพอลูกหนี้ผิดชำระหนี้ก็จำหน่ายเป็นหนี้สูญได้ เพราะสรรพากรไม่มีทางเชื่อแน่ หรืออาจเข้าข่ายความผิดทางอาญาฐานฟอกเงินได้

ศรีสุวรรณพบ กกต.ยื่นข้อมูลเพิ่มปมโอนหุ้นสื่อ “ธนาธร”