‘ทีเส็บ’ ต่อยอดงานระดับโลกในไทย ปั๊มรายได้ไมซ์ 2.2 แสนล.

22 เม.ย. 2562 | 04:14 น.

การเติบโตของตลาดไมซ์ในปีนี้ โดดเด่นมากสำหรับการจัดแสดงสินค้าและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งทีเส็บ เดินแผนต่อยอดเพื่อขับเคลื่อนนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศและโดเมสติกไมซ์อย่างต่อเนื่อง อ่านได้จากสัมภาษณ์นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ

 

 

สัดส่วนงานเอ็กซิบิชันโต60%

ภาพรวมของอุตสาหกรรม ไมซ์ (MICE) ปี2562 มีทิศทางที่ดี โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2562 ไทยมีรายได้จากนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งพบว่าการเติบโตของนักเดินทางกลุ่มไมซ์ ที่ขยายตัวสูงสุดจะเป็นกลุ่มจัดแสดงสินค้า (เอ็กซิบิชัน) ที่เติบโต 60.66% เนื่องจากเราประมูลงานที่เกี่ยวข้องกับ 10 อุตสาหกรรม ตามเป้าหมายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลให้เข้ามาจัดในไทย 

‘ทีเส็บ’ ต่อยอดงานระดับโลกในไทย ปั๊มรายได้ไมซ์ 2.2 แสนล.

จิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา

ขณะที่จำนวนการจัดงานไมซ์นานาชาติในไทย ที่เข้ามาจัดในไทยมากสุดจะเป็นการจัดอินเซนทีฟหรือการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการจัดงานไมซ์นานาชาติทั้งหมดในไทย ซึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน SITE 2019 Global Conference ของสมาคมส่งเสริมธุรกิจการจัดอินเซนทีฟระดับโลก ที่มีสมาชิกที่ทำอินเซนทีฟกว่า 82 ประเทศ ที่ล้วนเป็นเอเยนต์อินเซนทีฟรายใหญ่ เดินทางเข้ามากรุงเทพฯและภูเก็ตกว่า 400-500 คน

 

เจาะอินเซนทีฟพรีเมียม

การจัดประชุมนี้ที่เกิดขึ้นในไทย ทำให้ทีเส็บสามารถต่อ ยอดได้อย่างมหาศาล โดยจะทำงานร่วมกับสมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้าและภาคเอกชนต่างๆ ในการดึงอินเซนทีฟแบบสุพรีมหรือพรีเมียมเข้ามาจัดในไทย ซึ่งกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายต่อคนตํ่าสุดอยู่ที่ 4 พันดอลลาร์สหรัฐฯ ไปถึง 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ

อีกงานสำคัญที่จะจัดในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ที่จะเป็นการต่อยอดกลุ่มงานแสดงสินค้าในไทยได้อย่างมาก คือ UFI Global Congress 2019 ซึ่งเป็นงานประชุมของกลุ่มธุรกิจงานแสดงสินค้า ที่จะมีเอ็กซิบิเตอร์และออร์แกไนเซอร์ระดับโลกเข้ามาร่วมกว่า 800-900 คน ซึ่งวันนี้ไทยจัดว่าเป็นศูนย์กลางการจัดงานด้านเอ็กซิบิชันของภูมิภาคนี้ โดยวัดจากจำนวนผู้เข้าชมงานจากประเทศในกลุ่ม CLMV และมีหลายงานที่ยกระดับไปสู่การจัดงานในระดับเอเชีย ไม่ใช่แค่ไทยมีพื้นที่จัดงานมากที่สุดเท่านั้น

รุกเจาะองค์การระหว่างปท.

กลยุทธ์การขับเคลื่อนตลาดไมซ์ของทีเส็บ เน้นใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการทำตลาดต่างประเทศ ที่จะเน้นโปรโมตให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดงานด้านคอนเวนชันของสมาคมต่างๆ และองค์การระหว่างประเทศ ที่ต่อไปไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดงานขององค์การระหว่างประเทศต่างๆ ได้สะดวกขึ้น เนื่องจากไทยมีพระราชบัญญัติเอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับองค์การระหว่างประเทศและการประชุมระหว่างประเทศในไทย พ.ศ. 2561 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้มีความสะดวกและยกเว้นการเสียภาษีในการนำสินค้าหรือของเพื่อเข้ามาประชุมหรือจัดแสดงสินค้าในไทย 

‘ทีเส็บ’ ต่อยอดงานระดับโลกในไทย ปั๊มรายได้ไมซ์ 2.2 แสนล.

2. การพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรม ซึ่งผมได้ตั้งฝ่ายMICE Innovationand intelligence ขึ้น เพื่อพัฒนานวัตกรรมและข้อมูลด้านไมซ์เพื่อให้ก้าวทันโลกทั้งในแง่การสื่อสาร การสร้างสตาร์ตอัพซึ่งเราทำงานร่วมกับสำนักงานส่ง เสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(ดีป้า) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และเราเพิ่งเปิดตัวโครงการMICE intelligence ที่จะเป็นการจัดทำดาต้าด้านไมซ์ และให้เอกชนนำไปใช้ทำการตลาด

 

เร่งพัฒนา 50 เส้นทางไมซ์

3. การกระจายรายได้ ที่จะเน้นเรื่องของโดเมสติกไมซ์ ซึ่งนอกจากการส่งเสริมให้เกิดการจัดงานด้านไมซ์ใน 5 เมืองไมซ์
ซิตี (กรุงเทพฯ, พัทยา, ภูเก็ต, เชียงใหม่ และขอนแก่น) แล้ว เราจะเน้นเรื่องของการพัฒนา Area-Based ในกลุ่มจังหวัดไมซ์ซิตี ที่จะทำอย่างไรจะดึงให้เกิดการจัดงานไมซ์ระดับนานาชาติในต่างจังหวัด การพัฒนา 25 เส้นทางไมซ์ ใน 5 เมืองไมซ์ซิตี เช่น เส้นทางจักรพงษ์วิลล่า ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบบ้านเลขที่ 1 โบสถ์กาลหว่าร์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ตลาดน้อย ในกรุงเทพฯ เส้นทางออร่า ฟาร์ม สวนสัตว์ขอนแก่น เป็นต้น อีกทั้งในปีนี้ยังมีแผนจะกระจายสู่เมืองรองอีก 5 เมือง และจะพัฒนาเส้นทางรวมไม่ตํ่ากว่า 50 เส้นทาง การร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ทำโครงการไมซ์เพื่อชุมชน โดยการส่งเสริมให้สหกรณ์เป็นสถานที่จัดประชุมสัมมนา ที่จะคัดเลือกมา 32 แห่งจาก 5 ภูมิภาค

มุ่งสู่องค์การมหาชน4.0

ส่วนทิศทางการทำงานในปีหน้า ก็ยังคงมุ่งดึงงานไมซ์ระดับโลกเข้ามาจัดในไทย การใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการจัดงานไมซ์ การทำตลาดแบบนิชมาร์เก็ต ยกระดับการจัดงานไมซ์เมืองรอง เพิ่มศักยภาพและยกระดับองค์กรสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชัน (องค์การมหาชน 4.0) จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น ทีเส็บจึงคาดการณ์ว่าเป้าหมายการส่งเสริมตลาดไมซ์ในปีงบประมาณ 2562 ไทยจะมีโอกาสต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 35.9 ล้านคน สร้างรายได้ 221,500 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศ 1.32 ล้านคน สร้างรายได้ 100,500 ล้านบาท และนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศสูงสุด 5 อันดับล้วนเป็นตลาดเอเชีย ได้แก่ จีน เป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น 

สัมภาษณ์ โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3463 ระหว่างวันที่ 21 - 24 เมษายน 2562

‘ทีเส็บ’ ต่อยอดงานระดับโลกในไทย ปั๊มรายได้ไมซ์ 2.2 แสนล.