อินสไปร์ฯทุ่ม90ล. เจาะลูกค้าไทย-เทศ

“อินสไปร์ ไอวีเอฟ” สบช่องทุ่ม 90 ล้านบาท เปิดตัวคลินิกเพื่อการเจริญพันธุ์และวางแผนครอบครัว เจาะลูกค้าไทย-เทศที่ต้องการมีบุตร มั่นใจคุณภาพ ราคา สร้างการเติบโตระยะยาวพร้อมกรุยทางเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในปี 2564

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด ผู้บริหารคลินิกเพื่อการเจริญพันธุ์และวางแผนครอบครัวอินสไปร์ ไอวีเอฟ (Inspire IVF) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากประสบการณ์การทำงานในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่าธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการกลุ่มทุนทั้งจากไทยและต่างประเทศคือ “ธุรกิจการแพทย์” ซึ่งปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลทางการแพทย์ต่อปีสูงขึ้นและธุรกิจทางการแพทย์ไม่มีการตัดราคาซึ่งกันและกัน ไม่มีการต่อรองราคา ล่าสุดบริษัทจึงใช้งบประมาณกว่า 90 ล้านบาท ในการลงทุน และจดทะเบียน บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด พร้อมกับเปิดตัวธุรกิจคลินิกเพื่อการเจริญพันธุ์และการวางแผนครอบครัวสาขาแรกที่อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ บนพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. พร้อมเริ่มดำเนินการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา

สำหรับการให้บริการแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1.บริการเก็บไข่ และสเปิร์ม 2.บริการคัดกรองพันธุกรรม 3. บริการสำหรับกลุ่มคนที่มีบุตรยาก มีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นตั้งแต่ 3-6 แสนบาทต่อเคส โดยแผนงานการสร้างแบรนด์ในปีนี้ในประเทศจะยังไม่ขยายสาขาเพิ่ม แต่จะใช้สาขาแรกเป็นแฟล็กชิฟก่อน ควบคู่กับการจะเน้นการสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายแบบครบวงจรควบคู่กับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การให้ความรู้คนไข้ที่คลินิกเฉลี่ยเดือนละครั้ง โดยมีสัดส่วนลูกค้าไทย 20% ต่างชาติ 80%

ขณะที่ในส่วนของตลาดต่างประเทศหลังจากได้มีการขยายตลาดออกไปในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย ออสเตรเลีย กัมพูชา เมียนมา ผ่านเอเยนต์ทั้งหมดแล้ว ในอนาคตข้างหน้าบริษัทมีแผนรุกตลาดต่างประเทศด้วยการเปิดคลินิกขนาดเล็ก (สำนักงานสาขา) เพื่อเตรียมความพร้อมเบื้องต้นให้แก่ลูกค้าก่อนที่จะเข้ามาใช้บริการเก็บไข่ในไทย ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการเข้ามาใช้บริการที่ไทยได้ โดยมอง จีน อินเดีย เป็น 2 ประเทศแรกในการขยายสาขา เนื่องจากเป็นประเทศขนาดใหญ่ มีประชากรจำนวนมาก และมีการศึกษาข้อมูลที่ดีก่อนมีบุตรทำให้มองว่าจะสามารถขยายตลาดได้ดีกว่า เบื้องต้นอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร ทั้งทีมแพทย์ ทีมพยาบาล และบุคลากรด้านอื่นๆ

“ในอนาคตมีแผนเปิดสาขา หรือคลินิกขนาดเล็กในต่างประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมเบื้องต้นให้แก่ลูกค้า ก่อนจะเดินทางมาใช้บริการที่ไทย ซึ่งจะใช้เวลาอยู่ในไทยน้อยกว่าปกติจากที่ต้องอยู่เพื่อใช้บริการราว 2 สัปดาห์ขึ้นไป ก็เหลือเพียง 1 สัปดาห์และสามารถเดินทางกลับประเทศได้”

อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายระยะยาวในปี 2564 ด้วยการเป็นบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก่อนจะวางแผนจะเพิ่มเงินลงทุนเป็นกว่า 100 ล้านบาท เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว เบื้องต้นขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยในปี 2563 ที่ใช้เป็นฐานในการเข้าตลท. คาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการ 20-30 เคสต่อเดือน จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 10 เคสต่อเดือน โดยช่วงที่ผ่านมามีผู้เข้ามาใช้บริการ 1,388 ราย และคิดเป็นอัตราความสำเร็จ 71% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศ 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3463 ระหว่างวันที่ 21-24 เมษายน 2562