DRT เพิ่มสต๊อกสินค้ารับออเดอร์ไตรมาส2 พุ่ง

18 เม.ย. 2562 | 09:46 น.

DRT เพิ่มปริมาณสต๊อกสินค้ารับออเดอร์พุ่งหวั่นผลิตไม่ทันขายปรับแผนเร่งเดินเครื่องจักรเต็มสูบตลอดเดือนเม.ย.มั่นใจไตรมาส2 เติบโตทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์

นายสาธิตสุดบรรทัดประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทผลิตภัณฑ์ตราเพชรจำกัด(มหาชน) หรือDRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคาไม้สังเคราะห์แผ่นบอร์ดยิปซัมอิฐมวลเบาและบริการหลังการขายภายใต้แบรนด์‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่าจากภาพรวมยอดขายสินค้าช่วงไตรมาส1/62 ที่เติบโตได้ดีทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์บริษัทฯจึงต้องปรับแผนการผลิตใหม่ให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อรักษาโอกาสในการขายสินค้าโดยในเดือนเมษายน2562 ซึ่งเป็นเดือนที่มีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลสงกรานต์บริษัทฯได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเร่งเดินเครื่องผลิตสินค้าอย่างเต็มที่ทุกไลน์การผลิตทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์หลังคาไฟเบอร์ซีเมนต์หลังคาคอนกรีตกลุ่มบอร์ดไม้สังเคราะห์และกลุ่มอิฐมวลเบาโดยไม่มีการหยุดพัก 

ทั้งนี้บริษัทฯต้องการเพิ่มสต๊อกสินค้ารอการขายเป็น30 วันจากสิ้นไตรมาส1 ที่ลดลงเหลือประมาณ 

10 วันเพื่อให้มีปริมาณสต๊อกสินค้าเพียงพอต่อความต้องการลูกค้าและเข้าสู่ระดับปกติในช่วงฤดูการขาย(ไฮซีซั่น) หลังจากขยายพื้นที่คลังสินค้าอีก3,500 ตารางเมตรซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถบริหารการจัดส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

“ปัจจุบันเราใช้อัตราเดินเครื่องจักรเฉลี่ย80 – 90% จากกำลังการผลิตโดยรวมกว่า1 ล้านตันต่อปีถือว่าเกือบเต็มประสิทธิภาพการผลิตแต่จากปริมาณความต้องการสินค้าของตราเพชรที่เพิ่มสูงขึ้นมากหลังผู้บริโภคให้การตอบรับที่ดีเนื่องจากเรามีจุดแข็งด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการการก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลังและแบรนด์สินค้ามีความแข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับของลูกค้าดังนั้นเราจึงใช้เวลาวันหยุดยาวเพื่อผลิตสินค้าเพิ่มปริมาณสต๊อกรอการขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์” นายสาธิตกล่าว 

 

ส่วนแนวโน้มความต้องการใช้สินค้าช่วงไตรมาส2 DRT ประเมินว่าจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของที่อยู่อาศัยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่ส่งผลให้เมืองขยายตัวเนื่องจากวัสดุก่อสร้างเป็นสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการพัฒนาที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นปัจจัย4 จึงมีความต้องการใช้สินค้าเพื่อนำไปใช้ในงานซ่อมแซมและก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่อย่างสม่ำเสมอ 

 

ขณะที่ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะกัมพูชาสปป.ลาวและเมียนมาร์มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่าปีที่ผ่านมาหลังจากเห็นสัญญาณการขยายตัวในระดับที่น่าพอใจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้โดยเฉพาะเมียนมาร์และสปป.ลาวที่มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายรวมในปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า5% ได้ตามแผนที่วางไว้