พาณิชย์ หนุนปั๊มเปิดหัวจ่ายบี20ตั้งเป้า 63 ต้องมี 10,000 แห่งทั่วประเทศ

18 เม.ย. 2562 | 07:03 น.

 

กรมการค้าภายใน เผยระหว่างลงติดตามเปิดให้บริการบี 20 ของปั้มน้ำมัน จังหวัดเชียงใหม่ ประชาชนให้ความสนใจใช้บริการเพิ่ม  ตั้งเป้าปี 63 เปิดให้บริการ บี 20 ให้ได้ 10,000 แห่งทั่วประเทศ

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวระหว่างการลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการให้บริการของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20  ซึ่งเป็นหนึ่งแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรปลูกปาล์ม ตามนโยบายใช้น้ำมันปาล์มผลิตดีเซลหมุนเร็ว บี 20 ที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ขณะนี้ประชาชนตื่นตัวในการเติมน้ำมันบี 20 ทำให้บริษัทผลิตน้ำมัน 5 รายเพิ่มหัวจ่ายน้ำมันบี 20 เพิ่มขึ้นคาดว่าสิ้นเดือนมิถุนายน 2562 นี้จะมีสถานีให้บริการน้ำมันยี่ห้อต่างๆเปิดใหบริการ 1,000 แห่ง จากปัจจุบันเกือบ 500 แห่ง และเฉลี่ยมีประชาชนเข้าใช้บริการ 5,000 ลิตรต่อวันต่อปั๊ม 

พาณิชย์ หนุนปั๊มเปิดหัวจ่ายบี20ตั้งเป้า 63 ต้องมี 10,000 แห่งทั่วประเทศ

ดังนั้น กรมฯตั้งเป้าผลักดันให้มีหัวจ่ายน้ำมันบี20 ให้ถึง 10,000 แห่งภายในปี 2563 จากปั๊มที่เปิดบริการ 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศ หรือประมาณ 30%ของทั้งหมด ซึ่งจะเป็นการเพิ่มยอดใช้บี20 เป็น 5 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งจะเป็นการช่วยแก้ปัญหาไม่ให้เกิดปาล์มล้นตลาดและราคาตกต่ำในระยะยาว โดยเป็นไปตามนโยบายท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้เน้นเรื่องพลังงานทดแทน เพราะจากนี้การบริโภคและการส่งออก จะลดน้อยลง ดังนั้น การผลักดันน้ำมันปาล์มมาใช้ในพลังงานทดแทน หากได้ตามเป้าหมาย ที่ต่อปีจะมีสต็อกน้ำมันปาล์มกว่า 3 ล้านตัน จากผลปาล์ม16 ล้านตัน ในส่วนนี้ใช้เพื่อภาคผลิตและบริโภคปีละ 1.2 ล้านตัน และใช้ผลิตพลังงานทดแทน 1.6 ล้านตัน ก็จะเหลือเพื่อส่งออกและสต็อกเพื่อความมั่นคงทางอาหารก็จะไม่เกิน 1-2 แสนตัน โดย เพียงพอกับความต้องการ และทำให้ราคาผลปาล์มเกิน 3 บาทต่อกก. ส่วนสถานการณ์ราคาปัจจุบัน  2-2.60  บาทต่อกก. CPO เฉลี่ยอยู่ที่ 15 บาทต่อกก.

อย่างไรก็ดี การดำเนินการที่ผ่านมานั้นเกิด จากสถานการณ์น้ำมันปาล์มดิบล้นตลาดและมีราคาตกต่ำ รัฐบาลจึงได้หาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน โดยกำหนดนโยบายด้านพลังงานทดแทนด้วยการผลิตน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 และจำหน่ายให้บริษัทรถบรรทุกขนส่งขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการ 270,000 ลิตรต่อเดือน ช่วยเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล 360 ตันต่อปี  และรณรงค์ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 แก่ผู้ใช้รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก  เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลต่อการลดต้นทุนการขนส่งสินค้าและค่าโดยสาร รวมถึงค่าครองชีพของประชาชนที่จะลดลงได้อีกด้วย   
  พาณิชย์ หนุนปั๊มเปิดหัวจ่ายบี20ตั้งเป้า 63 ต้องมี 10,000 แห่งทั่วประเทศ
 นายวิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับ การตรวจสอบติดตามการให้บริการของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงในจังหวัดภาคเหนือครั้งนี้ เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดก๊าซ LPG, NGV ตามสถานีบริการเป็นอีกหนึ่งภารกิจของกรมการค้าภายในซึ่งได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในคุมเข้มการตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดก๊าซ LPG, NGV อย่างต่อเนื่อง เพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบความถูกต้องมาตรวัดฯ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าจะได้รับความเป็นธรรมไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นใจในการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 แก่ผู้บริโภค และ เร่งรัดการติดตั้งหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง บี 20 ให้มากขึ้น เพื่อสามารถกระจายการให้บริการแก่ผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงอีกทางหนึ่งด้วย รวมทั้งมีการปล่อยขบวนรถตรวจสอบเครื่องชั่งที่ใช้ในการซื้อขายผลผลิตทางการเกษตร เพื่อให้มีมาตรฐานความเที่ยงตรง เกิดความเป็นธรรมในการซื้อขาย เพื่อให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรม และมีรายได้มากขึ้น

 การส่งเสริมให้มีการผลิต และการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง บี 20 มากขึ้น จะส่งผลให้กระบวนการในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมีการใช้น้ำมันปาล์มดิบมากขึ้น เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มก็จะมีช่องทางการระบายผลผลิต และมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตปาล์มมากขึ้น การผลิตรถยนต์เพื่อตอบสนองและให้รถยนต์สามารถรองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง บี 20 เป็นการทำให้เกิดการลงทุนของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ จะทำให้มีการเพิ่มการใช้แรงงาน มีการจ้างคนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนการลงทุนด้วยการลดภาษี นอกจากนี้ ยังเป็นการลดการนำเข้าน้ำมันดีเซล ทำให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมีความเจริญยิ่งขึ้น จึงขอเชิญชวนให้ผู้ใช้รถยนต์ที่เติมน้ำมันดีเซลมาใช้น้ำมัน บี 20 เพราะนอกจากเป็นการประหยัด แล้วยังเป็นการช่วยลดมลภาวะทางอากาศ และได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสามารถวิ่งได้ระยะทางที่มากขึ้นในปริมาณน้ำมันเท่าเดิมอีกด้วย

พาณิชย์ หนุนปั๊มเปิดหัวจ่ายบี20ตั้งเป้า 63 ต้องมี 10,000 แห่งทั่วประเทศ