นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมสงขลาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อ.สะเดา จ.สงขลา ระยะที่ 1 พื้นที่ 629 ไร่ ว่า นิคมฯ ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ขณะนี้ กนอ. พร้อมเข้าพัฒนาพื้นที่แล้ว โดยบริษัท พี.ที.เอ.คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการฯ ที่ กนอ. คัดเลือกและให้เป็นผู้พัฒนาพื้นที่ โดยจะเริ่มดำเนินการภายในเดือน เม.ย. นี้ ด้วยเงินลงทุนประมาณ 900 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือนแล้วเสร็จ และจะพร้อมเปิดให้นักลงทุนเข้าใช้พื้นที่ได้ภายในปี 2563
⇲ สมจิณณ์ พิลึก
"นิคมฯ ดังกล่าว นับเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 2 ของ กนอ. ภายใต้นโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (SEZ) ที่รัฐบาลมุ่งหวังที่จะกระตุ้นการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมยางพารา อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนัง อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยคาดว่า หากมีการใช้พื้นที่เต็มจำนวนแล้วจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3,400 อัตรา และก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนใน จ.สงขลา ประมาณ 13,800 ล้านบาท" ดร.สมจิณณ์ กล่าว
ทั้งนี้ พื้นที่โครงการการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสงขลาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อ.สะเดา ระยะแรก 629 ไร่ กนอ. แบ่งเป็น พื้นที่สำหรับรองรับอุตสาหกรรมทั่วไป เขตพาณิชยกรรม และโรงงานสำเร็จรูป รวมทั้งสิ้น 347 ไร่ และส่วนที่เหลืออีก 283 ไร่ กนอ. จะพัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณูปโภคส่วนกลางและพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่สีเขียว สำหรับให้บริการทั้งผู้ประกอบการและชุมชน ประชาชนทั่วไปในพื้นที่ที่เข้ามาใช้บริการภายในนิคมฯ เพื่อความยั่งยืนของการอยู่ร่วมกันของสังคมชุมชนและสิ่งแวดล้อม ภายใต้แนวคิดการออกแบบไปสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (EcoIndustrial Estate)
นิคมอุตสาหกรรมสงขลา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ อ.สะเดา ถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างที่มีศักยภาพ มีความพร้อมในเรื่องของวัตถุดิบ แรงงาน และระบบขนส่ง ที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย ตลอดจนยังสามารถรองรับการขยายตัวด้านการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น อุตสาหกรรมด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมบริการ และอื่น ๆ เป็นต้น
สำหรับ จ.สงขลา เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพโดดเด่นและมีแนวโน้มเติบโตทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีโอกาสในการเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภาคใต้ที่สามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศในกลุ่มความร่วมมือเขตเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย "อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย" (IMT-GT) เนื่องจากมีด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นด่านทางบกที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดที่อยู่ใกล้ท่าเรือปีนัง และท่าเรือกลางของมาเลเซียมีการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-มาเลเซียผ่านทางปาดังเบซาร์ มีฐานการผลิตในพื้นที่ด้วยศักยภาพที่มีอยู่แล้ว ทำให้ทำเลที่ตั้งมีความโดดเด่นมากที่ถือเป็นความพร้อมที่จะรอบรับการเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย เข้ามาลงทุนในนิคมฯ ดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ เริ่มมีนักลงทุนในกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มธุรกิจด้านโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจสิ่งทอ สนใจเข้าสอบถามรายละเอียดของโครงการมาอย่างต่อเนื่อง