"ท้องถิ่น" รุกแก้เหลื่อมล้ำทางการศึกษา

04 เม.ย. 2562 | 06:38 น.


กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจับมือ กสศ. ชูท้องถิ่นร่วมแก้เหลื่อมล้ำทางการศึกษา พร้อมปฏิรูประบบเงินอุดหนุนนักเรียนยากจน นำร่อง 10 จังหวัด ปีการศึกษา 62

วันที่ 4 เม.ย. 2562 ที่โรงแรมเอเชีย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย ลงนามความร่วมมือกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อดำเนินโครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนแบบมีเงื่อนไขในสถานศึกษาสังกัด อปท. และโครงการการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาใน 10 จังหวัดนำร่อง โดยมีผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและโรงเรียน เข้าร่วมกว่า 150 คน


ทวี  เสริมภักดีกุล

 

นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและ กสศ. ในครั้งนี้ ถือเป็นการปฏิรูปแนวทางการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในระดับท้องถิ่น แต่ผลลัพธ์ปลายทางจะนำไปสู่ทางออกของประเทศ ในการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเครื่องมือที่เป็นนวัตกรรม ได้แก่ ระบบข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อความเสมอภาค (iSEE) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษ หรือ นักเรียนทุนเสมอภาค และการติดตามนักเรียนผลการสนับสนุนนักเรียนเป็นรายบุคคลอย่างครบวงจร

ซึ่งจะช่วยให้การจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษสะดวกและยกระดับการทำงานของสถานศึกษาสังกัด อปท. ครู ในการคัดกรองติดตามนักเรียนเป็นรายบุคคลตรงตามสภาพปัญหา โดยเฉพาะนักเรียนด้อยโอกาสและกลุ่มเสี่ยงที่จะหลุดนอกระบบ อีกทั้งระบบนี้ยังช่วยลดภาระงานเอกสารและการจัดการข้อมูลของครูและผู้บริหารสถานศึกษา ขณะที่ สถานศึกษาในสังกัด อปท. ยังสามารถใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลนี้ พัฒนาคุณภาพนักเรียนได้ในระยะยาว

"โครงการนี้ ก่อให้เกิดการปฏิรูปกลไก การจ่ายเงินอุดหนุนของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ระบบข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ การมีเกณฑ์การคัดกรองนักเรียนยากจน และกลไกตรวจสอบหลายระดับจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ทั้งแก่นักเรียน ผู้ปกครอง และสังคม เป็นโครงการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ส่วนก้าวต่อไปที่จะเกิดขึ้นใน 3 ปีนั้น คือ อปท. จะสนับสนุนการค้นหา บันทึกข้อมูล ตรวจสอบ และรับรองข้อมูลผลการคัดกรองกลุ่มเด็กปฐมวัย นักเรียนในระบบ นอกระบบ ที่ยากจนและด้อยโอกาส เพื่อเป็นข้อมูลให้ กสศ. นำไปค้นหาเด็กกลุ่มนี้ต่อไป" นายทวี กล่าว

 

 นพ.สุภกร บัวสาย

 

ด้าน นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนแบบมีเงื่อนไขในสถานศึกษาสังกัด อปท. เป็นการช่วยเหลือนักเรียนยากจนพิเศษ ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - มัธยมศึกษาปีที่ 3โดย กสศ. จัดสรรเพิ่มเติมในส่วนที่ยังไม่เคยมีหน่วยงานใดสนับสนุนให้แก่นักเรียนกลุ่มนี้มาก่อน เพื่อบรรเทาอุปสรรคการมาเรียน ลดความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบการศึกษา โดยในปีการศึกษา 2562 จะมีโรงเรียนในสังกัด อปท. เข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 377 แห่ง ใน10 จังหวัด ได้แก่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น ร้อยเอ็ด นนทบุรี สระแก้ว กาญจนบุรี สุราษฎร์ ภูเก็ต ยะลา ภายใต้การจัดสรรเพิ่มเติม 1,000 บาท/คน/ภาคเรียน ในระดับอนุบาล-ประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น  ซึ่งในช่วงเดือน พ.ค. จะเข้าสู่กระบวนการคัดกรองความยากจนของนักเรียน โดยมีกลไกการตรวจสอบหลายระดับ เพื่อสร้างความมั่นใจทั้งแก่นักเรียน ผู้ปกครอง และสังคม ว่า เงินอุดหนุนนี้จะสามารถช่วยเหลือนักเรียนที่กำลังเดือดร้อนที่สุดได้อย่างแท้จริง อย่างโปร่งใส่ และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน

ขณะที่ ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า ครัวเรือนที่มีฐานะยากจนที่สุด 10% แรกของประเทศ มีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องรับผิดชอบในการส่งบุตรหลานเข้าเรียน (เทียบกับรายได้) ในสัดส่วนที่สูงกว่าครัวเรือนในชั้นรายได้อื่น ไม่ว่าจะเป็น ค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าเครื่องแบบ ค่าสมุด/หนังสือ/อุปกรณ์การเรียนอื่น และค่าเดินทางไปเรียน ซึ่งโดยเฉลี่ยครัวเรือนทั่วไปที่ส่งบุตรหลาน 1 คน เข้าเรียนยังโรงเรียนรัฐในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าใช้จ่ายตกคนละ 5,000–12,000 บาทต่อคนต่อปี หากประเมินครัวเรือนที่มีฐานะยากจนที่สุดมีค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลาน คิดเป็นร้อยละ 23-52 ของรายได้ ซึ่งสูงกว่าครัวเรือนในชั้นรายได้อื่น ๆ สะท้อนให้เห็นภาระค่าใช้จ่ายที่ครัวเรือนยากจนต้องแบกรับ จึงเป็นสาเหตุให้ทุก ๆ ปี มีเด็กที่หลุดออกนอกระบบการศึกษาในที่สุด โดยปัจจุบัน เรามีเด็กเยาวชนอายุ 3-18 ปี ที่อยู่นอกระบบการศึกษาประมาณ 670,000 คน

"การอุดหนุนทางการเงินแบบมีเงื่อนไขของ กสศ. มีเป้าหมายเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของนักเรียนกลุ่มนี้ เพื่อป้องกันมิให้หลุดออกจากระบบการศึกษา เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในระยะยาว จากประสบการณ์ในโครงการเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนอย่างมีเงื่อนไขที่ กสศ. ดำเนินการร่วมกับ สพฐ. ในปีการศึกษา 2561 ช่วยให้โรงเรียนสังกัด สพฐ. ได้รับเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนเพิ่มขึ้นจากหลักเกณฑ์เดิม จำนวน 21,983 โรง คิดเป็น 74.37% และมีโรงเรียนในพื้นที่ชนบทห่างไกลที่มีนักเรียนยากจนที่ได้รับจัดสรรช่วยเหลือเต็ม 100% จำนวน 388 โรงเรียน จากเดิมที่โรงเรียนเหล่านี้จะได้รับการจัดสรรจะได้เพียงร้อยละ 30-40 ของจำนวนนักเรียนทั้งโรงเรียน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ในปีการศึกษาหน้าสถานศึกษาสังกัด อปท. จะได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ตรงตามความต้องการที่แท้จริงเป็นรายบุคคลทุกโรงเรียนอย่างแท้จริง" ดร.ไกรยส กล่าว