ข่าวห้ามเขียน : ‘อมร’ ผู้ร้ายตัวจริง

03 เม.ย. 2562 | 09:51 น.


27 ธันวาคม 2561 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 40 ราย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) (AJD) พระเอกตัวจริง ปัจจุบัน คือ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งสูงสุดรวม 1,727 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน

เรื่องนี้ต้องบอกว่าฮือฮามาก เพราะเป็นการเรียกค่าปรับทางแพ่งสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย

ก.ล.ต.เปิดทางให้ผู้กระทำความผิด 40 ราย มาจ่ายค่าปรับทางแพ่งซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของราคาหุ้นที่มีการถีบตัวขึ้นมาระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2557 หุ้น AJD มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยราคาปิดเพิ่มสูงขึ้นจากหุ้นละ 2.60 บาท เป็นราคา 15 บาท
ข่าวห้ามเขียน : ‘อมร’ ผู้ร้ายตัวจริง
ตั้งแต่ต้นปีมาผู้กระทำความผิด 40 ราย ซึ่งจากการสืบสาวพฤติกรรมการซื้อ-ขายหุ้นเพื่อสร้างราคาแล้วเป็นการกระทำของมือดี 2 ก๊วน

ก๊วนแรกนำทีมโดย อมร มีมะโน อดีตคณะทำงานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกรัฐมนตรี “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” “อดีตที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” และ “นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมการค้าสัมพันธ์ไทย-จีน” และอีกขาใหญ่ที่ชักใยอีกคนคือ “ณษิกา มีมโนนันท์”

กลุ่มผู้ร่วมขบวนยอมให้ “อมร”และทีมงานใช้บัญชีซื้อขายหุ้นมี 25 คน ประกอบด้วย 1.โชติอนันต์ แสงพงษ์พิทยา ถูกสั่งปรับไป 104.33 ล้านบาท 2.ภณิดา เตชคุณวุฒิ ถูกสั่งปรับไป 25.63 ล้านบาท 3.ขณะที่อมร มีมะโน ถูกสั่งปรับไป 79.43 ล้านบาท 4.จินตนา แสงพงษ์พิทยา โดนไป 23.55 ล้านบาท

5.จินดา มีมะโน โดนไปเท่ากับอมร 79.43 ล้านบาท 6.เจนจิรา สกุลปิ่นจง โดนไป 17.22 ล้านบาท7. จินตนา มีมะโน โดนไป 79.43 ล้านบาทเท่ากับ “อมร-จินดา” 8.ศิริพร สมบูรณ์วิวัฒน์ เจอไป 17.22 ล้านบาท 9.ณษิกา มีมโนนันท์ เจอเข้าไป 79.43 ล้านบาทเท่ากับ “อมร-จินดา-จินตนา” 10.สุชาติ วัฒนศิริชัยกุล โดนไป 14.04 ล้านบาท  

11.โสภา กุลศิโรรัตน์ โดนไปเท่ากับ “อมร-จินดา-จินตนา-ณษิกา”  79.43 ล้านบาท 12.ธนิดา ธัญสุนทราเดช โดนลูกหลงไป 10.35 ล้านบาท 13.เจตสุภา ณัฐพฤกษ์ โดนไป 79.43 ล้านบาท เท่ากับ “อมร-จินดา-จินตนา-ณษิกา-โสภา” 14.วราพงษ์ ซึงรุ่งโชติ เจอดี 8.54 ล้านบาท 15.ณัฐณิชา สันติวราคม 79.43 ล้านบาท เท่ากับ “อมร-จินตนา-จินดา-ณษิกา-โสภา-เจตสุภา”

16.วิจิตรา เพชรภักดีชัย โดนไป 8.36 ล้านบาท 17.ชาย จันทร์วิกูล เจอเข้าไป 79.43 ล้านบาทเท่ากับ “อมร-จินดา-จินตนา-ณษิกา-โสภา-เจตสุภา-ณัฐณิชา” 18.Dong Zhang เจอปรับ 7.37 ล้านบาท 19.นันท์นภัส อัจจมาลย์วรา เจอเต็มๆ 58.34 ล้านบาท 20.มานะ สมบูรณ์วิวัฒน์ 5.62 ล้านบาท

21.วิศาล หล่อทองไพศาล 32.38 ล้านบาท 22.พิมพ์ใจ เพชรภักดีชัย ถูกสั่งปรับ 5.54 ล้านบาท 23.Fu Nan เจอดี 29.57 ล้านบาท 24.ธนชาต ศิริภานุเขม โดนไป 3.3 แสนบาท 25.ยงยุทธ แสงพงษ์พิทยา เจอเข้าเต็มๆ 25.75 ล้านบาท

ก๊วนที่ 2 เป็นการบัญชาการสร้างราคาภายใต้หัวหน้าทีมที่ชื่อ “พิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ” ซึ่งโดนสั่งปรับไป 30.60 ล้านบาท ผู้ที่ร่วมก๊วนและโดนไปเท่ากันคือ 1.เกรียงไกร วสีพันธ์พงศ์ 2.สุรเชษฐ วสีพันธ์พงศ์ 3.ปิโยธร กลกิจชัยวรรณ 4.พิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ 5.ธัญลักษณ์ ดีวงกิจ 6.วนิดา วสีพันธ์พงศ์ 7.ศุรวีร์ วสีพันธ์พงศ์ 8.สมใจ วสีพันธ์พงศ์ 9.จตุวัฒน์ วสีพันธ์พงศ์

ผู้ที่โดนหนักกว่านั้นคือ ธวัลรัตน์ ฐิติวัฒน์กมล 176.31 ล้านบาท สุนทร ดีวงกิจ 159.71 ล้านบาท วีระ วนาฤทธิกุล 36.29 ล้านบาท ปิยะดา กลกิจชัยวรรณ 21.48 ล้านบาท วรวุฒิ เผ่าประพันธ์ 20 ล้านบาท ไกรสร ฉัตรเลขวนิช 15.70 ล้านบาท

ช่วงต้นปีลูกทีมที่ยอมให้ “อมร-พิภัทร์” ใช้บัญชีซื้อขายหุ้น และผู้ที่เป็นนอมินี ได้ประชุมร่วมกับ “อมร-พิภัทร์”เพื่อหาทางออกในเรื่องนี้เพราะกว่า 20 คนที่โดนคดีซึ่งตามกฎหมายนั้นไม่ใช่แค่แพ่งแต่หมายถึง “คุก” แต่ทุกคนแทบตกเก้าอี้ เพราะ “อมร-พิภัทร์” ยืนกรานไม่ยอมจ่ายค่าปรับ 1,727ล้านบาท แต่จะขอสู้คดีทางแพ่งและอาญา...

ลูกมือ นอมินี ร่วม 10 คนไปยื่นเรื่องต่อก.ล.ต.และอัยการสูงสุดว่าตัวเองถูกยืมใช้บัญชีไปซื้อขาย สร้างราคา..เพราะค่าปรับถูกกว่า แต่ไม่มีใครรู้ชะตา

ส่วนคนที่เหลือ สมหวังครับ!เมื่อผู้กระทำความผิดทั้ง 40 รายไม่ยินยอมที่จะระงับคดีทางแพ่งในชั้น ก.ล.ต.ที่ให้เวลามา 3 เดือนแล้ว ดังนั้น ก.ล.ต.จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดทั้งหมดต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราโทษสูงสุดตามกฎหมาย รวมทั้งสิ้น 2,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 500 ล้านบาท

เหนือกว่านั้น ก.ล.ต.ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จัดการตามขั้นตอน เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าว เป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

แพแตกสิขรั่บ...เพราะอำนาจของปปง.นั้นเขาใช้ยุทธวิธียึดทรัพย์ ยึดบัญชีทางการเงินของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดได้หมด จะย้ายเงิน โยกเงินออกไปไม่ทันเสียแล้ว

ตอนนี้ลูกทีมผู้ร่วมก๊วนรู้ตัวแล้วว่า เชื่อ “อมร-ณษิกา-พิภัทร์” พระเอกตัวจริงไม่ได้แล้ว เพราะกลายเป็นผู้ร้ายที่พากันไปตายหมู่...

ขณะที่ตัวเองและเครือญาติสมบท “อ้ายเสือ”...เผ่น...หายตัวไร้ร่องรอย...ลี้ลับ ไม่มีเงาหัว แบบผู้ร้ายตัวจริง...หุหุ


| คอลัมน์ : ข่าวห้ามเขียน
|โดย : พรานบุญ
|หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3458 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 4-6 เม.ย.24562