มาคุยกับฐาน ทันทุกข่าวสาร แค่เพิ่มเราเป็นเพื่อน คลิกเลย!!!!! LINE : @THANSETTAKIJ
วันนี้ “7 เสือ กกต.” ที่ประกอบด้วย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี นายปกรณ์ มหรรณพ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ และ นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ ถูกถล่มอย่างหนัก หลังปิดหีบการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม และผลการนับคะแนนที่เปิดเผยออกมาเป็นที่เคลืยบแคลงสงสัยของบางฝ่าย
ล่าสุดเว็บไซต์ www.change.org เปิดให้ลงชื่อถอด ถอน กกต. ตั้งเป้าล่ารายชื่อให้ได้ 1 ล้านรายชื่อ ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ออกล่าชื่อประชาชนเตรียมยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนเอาผิดในวันที่ 8 เมษายนนี้
กระแสเรียกร้องให้ถอดถอน “กกต.” หรือหาก กกต.ถอดใจพากันลาออก จะพัดพาการเมืองไทยให้เข้าสู่วังวนเดิม หรือยิ่งซํ้าเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่หรือไม่ น่าขบคิดไม่น้อย
รศ.ดร.เจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) สะท้อนความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ยืนยันว่า หากกกต.ลาออกไม่ได้ทำหน้าที่ในช่วงนี้ ความวุ่นวายจะเกิดขึ้น เพราะยังไม่ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ
“หาก กกต.ชุดนี้ลาออกหรือเมื่อดำเนินการยื่นให้ถอดถอน กกต. ประธานศาลฎีกาจะตั้งผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดขึ้นมารักษาการ มาทำหน้าที่แทนซึ่งอาจตั้งครบจำนวน หรืออย่างน้อย 5 ท่าน แต่คนใหม่ที่เข้ามาจะรู้ระบบ หรือเตรียมตัวทันหรือไม่ เพราะยังไม่เคยทำงานมาก่อน” อดีตที่ปรึกษา กรธ.ระบุ
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดตอนนี้คือ ต้องทำความเข้าใจและหารือร่วมกันเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่า คืออะไร จากนั้นจึงมาดูสภาพของปัญหาและหาวิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น เช่น กรณีเรื่องของตัวเลข หรือการรายงานที่ไม่เป็นที่เข้าใจ หรือการดำเนินการเรื่องการจัดการเลือกตั้ง และเรื่องการคำนวณตัวเลข ส.ส. เป็นต้น
“วันนี้ต้องคิดให้รอบคอบ ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องทำให้การเลือกตั้งคลี่คลายผ่านพ้นไป จากนั้นจะเอาหลักฐานไปยื่นหรือดำเนินการก็เป็นไปตามกระบวนการ แต่ไม่ควรจะทำให้เกิดปัญหาของการเลือกตั้งหรือทำให้ประเทศเดินต่อไปไม่ได้” อดีตที่ปรึกษา กรธ.กล่าวยํ้า
กกต.ออก-เจอม.44แก้ปัญหา
ด้าน นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ อดีตกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า กรณีที่มีการเรียกร้องให้ถอดถอน กกต.นั้นสามารถกระทำได้ แต่ “ไม่ง่าย” อย่างที่คิด
“จริงๆ แล้วไม่ต้องล่ารายชื่อก็สามารถยื่นฟ้อง กกต.ได้ เพียงแค่ไปยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวน ซึ่งถ้า ป.ป.ช.รับฟ้อง กกต.ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ต้องมีหลักฐานว่า กกต.ทำผิดอะไร ทุจริตต่อหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอะไร เช่น ข้องใจเรื่องประสิทธิภาพการทำงานของกกต. บอกว่า กกต.กระทำการฝ่าฝืนผิดจริยธรรม ในกฎหมายยังระบุเอาไว้ว่า “ผิดจริยธรรมร้ายแรง” จึงให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย กรณีอื่นก็ให้ส่งอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นต้น
กระบวนการที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่า มันไม่ง่าย และถ้า กกต.เกิดตัดสินใจลาออก ตอนนี้ก็จะยุ่ง รัฐบาลต้องตั้งผู้ที่จะมาปฏิบัติหน้าที่แทน ขณะที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อาจใช้ ม.44 มาแก้ปัญหานี้ จะรับกันได้หรือไม่”
ถอดถอนกกต.ไม่ง่าย
เช่นเดียวกับ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แสดงความ เห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวต่อกรณีที่มีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอน กกต.ว่า
กระแสถอดถอนกกต.กำลังมาแรงผ่านเว็บไซต์ ซึ่งระดมผู้สนับสนุนได้มากกว่า 7 แสนคนแล้ว เข้าใจว่าเป็นการปฏิบัติการทางจิตวิทยาเพื่อกดดัน กกต. ล่าสุดมีการล่าชื่อนิสิตนักศึกษาในหลายมหาวิทยาลัยด้วยแบบฟอร์มพร้อมบัตรประชาชน แต่ถึงจะได้จำนวนเท่าใดก็ไม่มีผลทางกฎหมายแต่อย่างใด เพราะรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับนี้ ไม่ได้ให้อำนาจ ส.ว. (หรือ สนช. ที่ปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. และส.ว.) ถอดถอนกรรมการในองค์กรอิสระอีกต่อไป แต่มอบอำนาจให้ศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้พิจารณาพิพากษาคดี ตาม มาตรา 234, 235 และ 236 ของรัฐธรรมนูญ คือ
ม. 234 ประชาชนมีหน้าที่และอำนาจในการไต่สวนและมีความเห็นว่า กรรมการในองค์กรอิสระ (กกต.) ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง แล้วดำเนินการต่อไปตามรัฐธรรมนูญ
หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. มาตรา 235 กรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือมีการกล่าวหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ (กกต.) ให้ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง หากมีมติไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ ป.ป.ช.ทั้งหมดว่า กกต.ผู้นั้นมีพฤติการณ์หรือกระทำความผิดตามที่ไต่สวน ให้ดำเนินการ 1. ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย 2. กรณีอื่นให้ส่งสำนวนไปที่อัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
เมื่อศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ประทับรับฟ้อง ให้ กกต.นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่ ม. 236 ส.ส.หรือ ส.ว.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้ง 2 สภา หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 20,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อกล่าวหาป.ป.ช.ผู้ใดกระทำผิดตาม ม.234 ให้ยื่นต่อประธานรัฐสภาพร้อมหลักฐานตามสมควร
ไม่ต้องล่ารายชื่อ ก็สามารถยื่นฟ้อง กกต.ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนก่อน ถ้า ป.ป.ช.รับฟ้อง กกต.ก็ต้องหยุดปฏิบัติ หน้าที่แต่ต้องมีหลักฐานว่ากกต.ทำผิดอะไร ทุจริตต่อหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมายใด
++++++++
ข้อเคลือบแคลง กกต.
นับตั้งแต่วันเริ่มกระบวนการเลือกตั้ง กกต.ถูกโจมตีมาต่อเนื่องที่หนักหนาสาหัสที่สุด เกิดขึ้นในวันหย่อนบัตรลงคะแนนเลือกตั้งและต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ ในขณะที่ กกต.ได้ออกมาชี้แจงข้อสงสัยเป็นระยะๆ เช่น เรื่องของตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ นายอิทธิพร ประธาน กกต. แถลงเมื่อวันที่ 24 มีนาคม กับตัวเลขที่แถลงในวันที่ 28 มีนาคม ต่างกันหลายหมื่นคะแนน ว่า เกิดจากการคีย์ข้อมูลของกรรมการประจำหน่วยผ่านระบบแรพพิดรีพอร์ต ซึ่งยังไม่ 100% ขณะที่ข้อมูลที่แถลงไปก่อนหน้านั้น เป็นข้อมูลจากเอกสารการรายงานผลที่ 350 เขตเลือกตั้งส่งเข้ามา
กรณีจำนวนบัตรเลือกตั้งที่แถลงเมื่อวันที่ 28 มีนาคม เพิ่มขึ้น 4.5 ล้านฉบับ เมื่อเทียบกับจำนวน 93% ที่ประธานกกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มีนาคมว่า ข้อมูลที่แถลงเมื่อวันที่ 24 มีนาคมนั้นเป็นข้อมูลตามที่ระบบรายงานผลอยู่ที่ 93% แต่ที่กกต.แถลงเมื่อวันที่ 28 มีนาคมนั้น มีการรวมผลการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่มีผู้มาใช้สิทธิราว 2.3 ล้านคน และการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่มีผู้มาใช้สิทธิราว 1 แสนคน เมื่อตัวเลขทบเข้าไปทำให้จำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อมูลทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้
รวมถึงเรื่องของจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้มากกว่าจำนวนรวมของบัตรดี บัตรเสีย และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน ซึ่งต่างกันอยู่ 2 ใบ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า เกิดขึ้นในหน่วยเลือกตั้งใด
กรณีที่วินิจฉัยให้บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรของนิวซีแลนด์ เป็นบัตรที่ไม่สามารถนับคะแนนได้ เหตุจากความล่าช้า และกรณีมีผู้ใช้สิทธิไม่ตรงกับยอดบัตรเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ชี้แจงว่า นั่นคือ “บัตรเขย่ง” เพราะผู้มาใช้สิทธิมาลงชื่อแต่ไม่รับบัตรเลือกตั้งซึ่งมี 9 ใบ เป็นต้น
จนถึงประเด็นร้อนแรงล่าสุดวันนี้กรณีสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่ยังคงสับสนงงงวยกันอยู่
รายงาน โดย...ทีมข่าวการเมือง
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3458 ระหว่างวันที่ 4 - 6 เมษายน 2562