ร้อนจัด! คนเมิน "ปิดไฟลดโลกร้อน" ปีนี้ลดการใช้ได้แค่ 1,514 MW

นายธีระวัฒน์ เทพอำนวยสุข รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า กิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน" ประจำปี 2562 (60+ Earth hour 2019) ภายใต้แนวคิด "ปิดเพื่อโลกเปลี่ยนเพื่ออนาคต" จัดโดย กรุงเทพมหานคร ร่วมกับเครือข่ายหลายภาคส่วน รณรงค์ให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชน ลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน ลดการใช้เครื่องปรับอากาศในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 20.30 – 21.30 น. ในวันเสาร์ที่ 30 มี.ค. นี้ พร้อมกับ 7,000 เมืองของ 188 ประเทศทั่วโลก เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ 1.ลดการใช้พลังงาน 2.ลดการใช้พลาสติก และ 3.อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ พบว่า สามารถลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 1,514 เมกะวัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2561 ที่มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร 5,778.38 เมกะวัตต์ หรือ คิดเป็นอัตราการลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 6.05 ล้านบาท และสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ถึง 749 ตัน

ขณะที่ กิจกรรม "ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2019)" ในครั้งนี้ ประเทศไทยได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 โดย กฟน. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) หรือ FEED องค์กร WWF ประเทศไทย พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน รณรงค์ให้ประชาชนร่วมปิดไฟเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เพื่อลดการใช้พลังงาน

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตุว่า การจัดกิจกรรมในปีนี้ ภาคส่วนต่าง ๆ ได้ให้ความสนใจลดน้อยลง เมื่อเทียบกับปี 2561 ที่สามารถลดปริมาณการใช้ไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไปได้ 2,002 เมกะวัตต์ หรือ คิดเป็นอัตราการลดการใช้ไฟฟ้าลงได้ 7.86 ล้านบาท และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดลงประมาณ 1,026 ตัน ซึ่งข้อสันนิษฐานหนึ่งอาจจะมาจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ส่งผลให้มีการใช้เครื่องปรับอากาศกันเป็นจำนวนมาก