คำต่อคำ "นายกฯ" ห่วงความขัดแย้งครั้งใหม่ เหตุมีความพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

29 มี.ค. 2562 | 13:29 น.

"พล.อ.ประยุทธ์" ออกรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ครั้งสุดท้าย ห่วงความขัดแย้งครั้งใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เหตุมีความพยายามจะสร้างเงื่อนไขในสังคมเพื่อประโยชน์ในการทางการเมือง เรียกร้องทุกฝ่ายยุติความขัดแย้ง ขจัดเงื่อนไขความแตกแยกในสังคม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ผ่านโทรทัศน์และวิทยุ คือ วันศุกร์ที่ 29 มี.ค. 2562 เป็นครั้งสุดท้าย โดยกล่าวว่า

"สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน ผมขอขอบคุณนะครับ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน ที่ได้ให้ความสนใจติดตามรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" และรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยังยืน" มาโดยตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รายการนี้ได้น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทานนของ "ในหลวงรัชกาลที่ 9" ก็คือ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" อันเป็นหนึ่งในศาสตร์พระราชาที่สำคัญ โดยการให้หลักคิดและยกระดับจิตใจ เพื่อให้สามารถนำไปสู่การพัฒนาประเทศในภาพรวมได้ในที่สุดนะครับ

ดังนั้น เนื้อหาสาระของรายการ นอกจากจะน้อมนำ "ศาสตร์พระราชา" ในมิติต่าง ๆ มากล่าวกับพี่น้องประชาชน "ทั้งประเทศ" ทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วน แล้วนะครับ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ ส่งเสริมความเข้าใจ และขอความร่วมมือด้วยไปพร้อม ๆ กันนะครับ รวมทั้งจะมีการถ่ายทอดไปยังข้าราชการทุกระดับ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือ การแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ แล้วผมก็ถือว่าเป็น "ช่องทางสื่อสาร" ที่สำคัญนะครับ ของนายกรัฐมนตรีกับ "พลเมืองไทย" ทุกคน ทุกอาชีพ และทุกวัย ในการแถลงแนวคิด นโยบาย รายงานผลการดำเนินงาน และแจ้งเตือนภัย

อีกทั้ง "การปลูกต้นไม้ในใจคน คนไทยนะครับ" ด้วยการกระตุ้นเตือนด้านคุณธรรม จริยธรรม ที่เริ่มแห้งเหือดไปจากสังคมไทยมาพอสมควรนะครับ และการปลูกจิตสำนึกความรักบ้านเมืองแผ่นดินเกิด ความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นไทยภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารนะครับ ด้วยการช่วยกัน "สืบสาน รักษา ต่อยอด" ตามพระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย

หลังจากนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศชาติและประชาชนไทย สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่ใกล้จะมาถึง ในห้วงวันที่ 4, 5 และ 6 พ.ค. ศกนี้ โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. จนถึงกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เดือน พ.ค. นะครับ

ดังนั้น เนื้อหารายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ต่อไป จะเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมทั้งการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพระราชพิธีครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยนี้ อีกครั้งหนึ่ง ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งก็มีอยู่หลายเหตุการณ์นะครับ

อาทิ การเตรียมน้ำอภิเษกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศ การจารึกพระสุพรรณบัฏ แกะดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกร และการเสด็จออกสีหบัญชร ให้ประชาชนได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทฯ ถวายพระพรชัยมงคล และขบวนพยุหยาตราทางพระสถลมารค (ทางบก) และทางชลมารค (ทางน้ำ) เป็นต้น

ทั้งนี้ ก็เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบและมีส่วนร่วมอย่างพร้อมเพรียงกัน โดยรัฐบาลขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทยพร้อมใจกันสวมเสื้อสีเหลืองเป็นเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. นี้ เป็นต้นไปนะครับ สำหรับข้อมูลข่าวสารพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในรายละเอียด สามารถติดตามได้จากช่องทางต่าง ๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอนะครับ

พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่านครับ, การเดินหน้าประเทศของเราตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ตาม Roadmap ของ คสช. นั้น ตั้งแต่การฝ่าทางตันทางการเมือง การก้าวข้ามความขัดแย้ง การปลดล็อกด้านงบประมาณ เพื่อจะคืนความสุขให้กับคนไทย คืนรอยยิ้มให้แผ่นดินเรา

 

คำต่อคำ "นายกฯ" ห่วงความขัดแย้งครั้งใหม่ เหตุมีความพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

 

การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และการผ่านประชามติตามหลักการประชาธิปไตยเพื่อแก้ปัญหาในอดีต การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่อนาคต ไปสู่ยุคดิจิทัล ไปจนถึงการกอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ และยกระดับความมั่นใจในเสถียรภาพของประเทศในสายตาชาวโลก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้รับเชิญให้ไปเยือนประเทศชั้นนำของโลกอย่างเป็นทางการ และการเข้าร่วมประชุมเวทีนานาชาติครั้งสำคัญหลายครั้ง รวมทั้งผลการจัดอันดับด้านต่าง ๆ ก็ "ดีขึ้น" ตามลำดับนะครับ แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกลับมาเยือนไทยเป็นจำนวนมากกว่าที่เคยมีมา

สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ ทุกคนคงทราบและจำได้ดี ว่า เราทุกคนได้ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคและสิ่งที่ส่งผลร้ายแรงต่อชาติบ้านเมือง อะไรกันมาบ้างนะครับ ท่ามกลางความขัดแย้งในแทบทุกมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง กระบวนการยุติธรรม ท่ามกลางการสร้างแนวความคิดใหม่ ๆ ซึ่งไม่ได้มาจากความต้องการที่แท้จริงของประชาชนนะครับ

หาประโยชน์จากประชาชนบ้าง ให้มีความหวังโดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ข้อเท็จจริง ปัญหาทับซ้อน รวมทั้งบริบทโลกที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสีย หรือ ละทิ้ง "โอกาส" ที่รัฐบาลนี้ได้สร้างไว้ด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณพี่น้องข้าราชการนะครับ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ทุกคน ที่ได้ร่วมกันเป็น "สะพาน" ให้พี่น้องประชาชนได้ก้าวข้ามกับดักต่าง ๆ ในอดีต ก้าวหน้าไปสู่อนาคตที่ดีกว่า และขอขอบคุณทุกภาคส่วนนะครับ ที่ได้ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกัน จับมือ - จูงมือกัน นำพาประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปนะครับ

พี่น้องประชาชนที่เคารพครับ, "ชีวิตนั้นไม่อาจหยุดนิ่ง ประเทศชาติก็ไม่อาจหยุดเดิน" นะครับ ประชาชนยังคงต้องทำมาหากิน โรงงานยังคงผลิตสินค้าเพื่อส่งขายตลาด โครงสร้างพื้นฐานยังต้องดำเนินไปตามแผน การลงทุนยังต้องการความต่อเนื่องทุกอาชีพ ทุกกิจกรรม ซี่งยังคงมีความยากลำบาก ปัญหาน้อยใหญ่ยังรอการแก้อย่างยั่งยืนนะครับ

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังไม่มีการจัดตั้ง "รัฐบาลใหม่" เข้ามาบริหารประเทศ ผมขอให้พี่น้องประชาชนได้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทุกช่องทางที่เป็นประโยชน์และเชื่อถือได้ ทั้งช่องทางของรัฐบาล - กระทรวง - กรม - หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจและเพิ่มการมีส่วนร่วมในการเดินหน้าประเทศของเรา

ผมจะยังปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ให้บ้านเมืองของเราสามารถเปลี่ยนผ่านไปได้ ด้วยความสงบสุข ได้ดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูป 11 ด้าน และแผนแม่บทต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่สะดุด ไม่หยุดชะงัก ภายใต้บริบทของโลกที่ยังคงผันผวนและอยู่เหนือการควบคุม ทั้งนี้ ก็เพื่อจะรักษาเสถียรภาพ - ความมั่นคง ของประเทศไว้ให้ดีที่สุดนะครับ เรายังมีทั้งวิกฤตและโอกาสอยู่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนอยู่นะ

สิ่งที่ผมเป็นห่วงในปัจจุบัน ก็คือ ความพยายามจะสร้างเงื่อนไขในสังคม เพื่อประโยชน์ในการทางการเมือง ซึ่งอาจนำมาสู่ความขัดแย้ง "ครั้งใหม่" ในอนาคต ได้แก่

1.ความเป็นประชาธิปไตยและไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งควรยุติได้แล้วนะครับ เพราะเราผ่านการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. มาแล้ว และทุกพรรคการเมืองได้รับเสียง ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ตามครรลองประชาธิปไตย ที่เรารอคอย แล้วก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของเรานะครับ ที่ผ่านการลงประชามติมาแล้ว

2.คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ก็เป็นอีกวาทกรรมสร้างความแตกแยก แบ่งคนในสังคม รวมทั้งในครอบครัว ซึ่งเป็นสถาบันพื้นฐาน ขอให้ลองทบทวนดูนะครับ แม้เราอ่านหนังสือเล่มเดียวกัน เรียนตำราเล่มเดียวกัน แต่อาจมีความเห็นที่แตกต่างได้ เนื่องจากผ่านประสบการณ์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาต่างกัน

คนอายุ 50 ปีขึ้นไป นอกจากจะมีภาพจำดี ๆ "ยุคโชติช่วงชัชวาล" และ "เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า" ที่ไทยเกือบจะก้าวไปเป็น "เสือตัวที่ 5" ของเอเชียมาแล้ว แต่ก็มีภาพจำที่ไม่ดี เช่น เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 - เหตุการณ์ 6 ตุลา 19 – แล้วก็พฤษภาทมิฬ ปี 35 นะครับ วิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง - การลอยตัวค่าเงินบาท - การเป็นหนี้ IMF - การชุมนุมและการสลายการชุมชนทางการเมือง ห้วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นต้น

ในขณะที่ ต่างคน ต่างช่วงวัย ก็ย่อมจะผ่านชีวิต มีภาพจำทั้งที่ดี - ไม่ดี มากน้อย แตกต่างกันไป เช่น เด็กอายุ 18 ปี ที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้ง ครั้งนี้ อาจไม่เคยสนใจการบริหารบ้านเมืองของรัฐบาลและ คสช. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพราะมุ่งศึกษาเล่าเรียนตามหน้าที่ของตน

อย่างไรก็ตาม ผมขอขอบคุณทุก ๆ คน นะครับ เคารพทุกคน ที่ออกมาใช้เสียงเลือกตั้ง โดยเฉพาะความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ ขอให้ทุกคน "เคารพเสียงของประชาชน" และมีสติในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ทั้งนี้ ผมเคารพในความตัดสินใจของประชาชนเสมอ ถือว่าเป็น "วิถีของประชาธิปไตย" ผมขอให้เราทุกคน "รักบ้านเกิดเมืองนอน" ของเราให้มาก

ทั้งนี้ การจะร่วมกันนำพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้นั้น จะต้องศึกษาประวัติศาสตร์ ต้องคำนึงถึงอัตลักษณ์ ความเป็นไทยของเรา และต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของบ้านเมือง ได้แก่ "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์" ของเรา ซึ่งมีมาอย่างยาวนานกว่า 1,400 ปี จวบจนปัจจุบันนะครับ อย่าลืมว่า เราทำอย่างไร ก็ได้อย่างนั้น เป็นผลตอบแทนมาเสมอนะครับ ไม่ว่าจะดี หรือไม่ดี เราจะทำเพื่อส่วนรวม ไปด้วได้ไหม มากกว่าจะทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน เพียงอย่างเดียวนะครับ

พี่น้องประชาชนครับ สิ่งที่ผมต้องการจะฝากให้ "รัฐบาลใหม่" ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จากที่รัฐบาลนี้ได้เริ่มไว้แล้ว เพื่อประโยชน์ของคนในชาติ อาทิ การจัดพระราชพิธีบรมราชาภิเษกให้สมพระเกียรติ การทำหน้าที่ประธานอาเซียนให้สมบูรณ์ การดูแลพี่น้องประชาชน กลุ่มฐานราก - ค้าปลีก - ค้าออนไลน์ - และอาชีพอิสระ

การดูแลคนทุกช่วงวัย ตามขีดความสามารถของแต่ละบุคคล หรือ ศักยภาพครอบครัว หรือ พื้นฐานรายได้ การพัฒนาเด็กแรกเกิด โดยดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ให้มีพัฒนาการที่ดี สมวัย การพัฒนาคุณภาพชีวิต จัดหาที่อยู่อาศัย
    


ยกระดับมาตรฐานการศึกษาในทุกระดับ ทุกประเภทเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และสร้างแรงงานทักษะสูงในอนาคต ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ลดการพึ่งพารัฐ เข้มแข็งด้วยตนเองก่อน จัดการศึกษา ให้หลักคิด ที่สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน - โลกาภิวัฒน์ - โลกดิจิทัล

เพิ่มการเรียนรู้และการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ให้เกิดประโยชน์ พัฒนาครู ยกระดับฝีมือแรงงาน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นของเราเอง การพัฒนาประเทศ โดยใช้บุคลากรจากภายนอกในช่วงเริ่มต้น การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการ และศาล

แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ผลักดันกฎหมายขายฝาก เพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุน ตั้งธนาคารชุมชน ส่งเสริมการรวมกลุ่ม ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มอำนาจต่อรอง ปรับปรุงโครงสร้างการเกษตรทุกประเภท ทั้งในและนอกเขตชลประทาน ลดต้นทุนราคาปุ๋ย

การใช้ Area Based ในการบริหารนะครับ ปรับเปลี่ยนการปลูกพืชและสนับสนุนการรวมกลุ่ม เพื่อส่งเสริมได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตามศักยภาพ มีการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ทั้งระบบ การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย การปรับโครงสร้าง กลไก กฎ ระเบียบ ลดข้อจำกัด        

ปรับปรุงบริการรัฐ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปรับปรุงระบบภาษี ให้เกิดความเป็นธรรม สร้างมูลค่าเพิ่ม เพิ่มรายได้ให้กับประเทศ สอดคล้องกับรายจ่าย ที่ต้องพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การหารายได้ของประเทศเพิ่ม และผลักดันการลงทุนเพื่ออนาคต การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

การจัดตั้ง EEC และ SEZ 10 แห่ง เปิดช่องทางและโอกาสให้กับทุกฝ่าย ตลอดจนการสร้างความเชื่อมโยง สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพทางพลังงาน พลังงานหลัก พลังงานหมุนเวียน และส่งเสริมการมีส่วนร่วม PDP (แผนพัฒนาการผลิตพลังงานของประเทศ) ภัยคุกคามทางไซเบอร์ กระแสสื่อโซเชียล

ส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศและภาษาอาเซียน ตลอดจนการเจรจาทางการค้า RCEP + ACMECS + GMS แม่น้ำโขงและอื่น ๆ เป็นต้น ทั้งนี้ 5 ปีที่ผ่านมา นโยบายเดิมของรัฐบาลก่อนหน้า อะไรที่ดี ที่ประชาชนได้รับประโยชน์ ผมก็ได้ต่อยอด - พัฒนา - เพิ่มประสิทธิภาพให้สูง ให้ดีขึ้น โดยยึดความเจริญก้าวหน้าของชาติบ้านเมือง เป็น "หลักชัย" สำคัญนะครับ

สุดท้ายนี้ ... ขอให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน นักการเมือง พรรคการเมือง ช่วยกันทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ขอให้ปวงชนชาวไทย ยึดมั่นในความเป็นประชาธิปไตย ที่เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์

ยุติความขัดแย้ง ขจัดเงื่อนไขความแตกแยกในสังคม เพราะเรายิ่งขัดแย้งกันนานเท่าไหร่ ประเทศชาติและประชาชน ก็จะยิ่งเสียหาย และเสียโอกาส มากขึ้นเท่านั้น จนอาจทำให้ศักยภาพของเราถดถอย เป็นวิกฤติในทุกมิติ เราต้องร่วมมือกัน "สร้างภูมิคุ้มกัน" ให้กับสังคม และประชาชน ด้วย "ความรู้คู่คุณธรรม" ให้มากที่สุดนะครับ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ขอบคุณครับ ขอพระบารมีอันแผ่ไพศาลแห่งองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และอานุภาพ พระสยามเทวธิราช ทรงปกปักรักษา คุ้มครองภัย ให้บ้านเมืองของเรา และคนไทยทุกคน มีแต่ความสันติสุข โดยทั่วกัน สวัสดีครับ


คำต่อคำ "นายกฯ" ห่วงความขัดแย้งครั้งใหม่ เหตุมีความพยายามสร้างเงื่อนไขเพื่อประโยชน์ทางการเมือง