แต่แล้วในวันที่ 27 มีนาคม 2562 ที่โรงแรม Lancaster เราก็ได้ฟังคุณธนาธรแถลงจุดยืนของพรรคหลังการเลือกตั้งว่า พรรคอนาคตใหม่ มี จุดยืน 5 ข้อ
1. ยืนยันว่า จะร่วมกับพรรคการเมืองที่ร่วมแถลงข่าววันนี้ ต้านอำนาจ คสช. อย่างเต็มที่ แม้หนทางข้างหน้าจะต้องฝ่าฟัน 250 ส.ว. แต่ก็จะร่วมกันทำงาน
2. จะเชิญชวนพรรคการเมืองอื่น ที่สัญญาประชาชนไว้ ว่า จะมีสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ มาทำงานร่วมกัน
3. อนาคตใหม่ ยืนยันเหมือนเดิมว่า นายกฯ ต้องมาจากพรรคที่ได้ ส.ส. เป็นอันดับ 1 โดย พรรคอนาคตใหม่ จะ #สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นนายกฯ เพราะเหมาะสมที่สุดกับประเทศไทย
4. เรียกร้องต่อพรรคการเมือง ที่ต้องการจะตั้งรัฐบาลจากเสียงข้างน้อย โดยใช้เสียง ส.ว.หนุน รังแต่จะสร้างความวุ่นวายให้สังคม และทำให้สังคมเดินไปสู่ทางตัน และ
5. เรียกร้องให้กกต. ทำหน้าที่อย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม เราเรียกร้องให้ กกต. เปิดผลทุกหน่วย ที่มีการมาใช้สิทธิ์ ให้สามารถตรวจสอบได้ (ที่มา: https://www.khaosod.co.th/election-2019/news_2351820)
และในวันนี้วันที่ 28 มีนาคม 2562 กกต. ประกาศผลการนับคะแนนทั้ง 100% และพรรคเพื่อไทยไม่ได้ สส.แบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว นั่นทำให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ไม่ได้เป็น สส. นั่นหมายความว่า อนาคตใหม่เสียสัตย์
สำหรับตัวผมเองที่ออกตัวไว้ในหลายวาระว่าผมเชียร์พรรคนี้ และตอนนี้ผมเสียใจที่สุด ถึงแม้ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่อาจจะตั้งใจหรือผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจในการใช้ข้อมูลที่บิดเบือนมาเป็นประโยชน์ในการหาเสียง และผมเคยกล่าวตักเตือนผ่านทาง Facebook (ดู https://www.facebook.com/piti.srisangnam/posts/10156920452017225) ซึ่งก็มีสื่ออีกหลายๆ สำนักนำไปเผยแพร่ต่อ แต่ตัวผมเองก็ยังเชียร์ให้นักการเมืองรุ่นใหม่เหล่านี้ได้มีโอกาส ที่ติก็เพื่อให้เขาปรับตัว ไม่ใช้วิธีแบบการเมืองเก่าๆ ในการหาเสียง เพราะในแวดวงการเมืองไทยซึ่งมีความสกปรกและวนอยู่ในวังวนของนักการเมืองหน้าเดิมๆ เราต้องการนักการเมืองที่เป็นคนรุ่นใหม่ เราต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้แสดงฝีมือ
แต่ตอนนี้ผมกำลังเสียใจ และเชื่อว่าหลายๆ คนที่ให้โอกาสพรรคการเมืองนี้ด้วยการลงคะแนนเลือกพวกเขาเข้ามาอย่างท้วมท้นเกินความคาดหวังก็กำลังเสียใจ เพราะการที่อนาคตใหม่สนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์ จะทำให้เกิดรอยแผลเป็น พรรคการเมืองรุ่นใหม่อย่างอนาคตใหม่ ไม่น่าเริ่มต้นการเมือง ด้วยการเสียคำพูดครับ แน่นอน พรรคอาจจะบอกว่า ก็ในเมื่อกติกามันไม่ยุติธรรม กติกาไม่ดี รัฐธรรมนูญ 2560 ต้องถูกแก้ไขทั้งฉบับ แต่ถ้าเลือกจะลงเล่นเกมในกติกานี้แล้ว และเป็นคนตั้งเงื่อนไขเอาไว้เอง ก็น่าจะต้องยอมรับครับ ถึงจะสง่างามสมเป็นคนรุ่นใหม่ มิฉะนั้นมันก็จะเป็นการนำมาคนรุ่นใหม่เข้ารูปแบบวังวนการเมืองแบบเดิมแบบที่พวกคุณในพรรคอนาคตใหม่รังเกียจ นั้นคือ ตอนหาเสียงพูดไว้อย่างนึง ตอนนี้พอจะตั้งรัฐบาลก็มีข้ออ้างมากมายเพื่อให้ตนเองเสียสัจจะวาจาได้
อนาคตใหม่เคยบอกว่า ไม่เสียใจที่จะเป็นฝ่ายค้าน แต่ตอนนี้ยอมเสียสัตย์ โดยอ้างว่ากติกาไม่ดี ทั้งที่รู้ตั้งแต่ต้น และก็บอกเองว่ากติกาไม่ดี ตอนนั้นไม่ได้มีใครบังคับนะครับว่าให้คุณธนาธรและอาจารย์ปิยบุตรตั้งเงื่อนไขแบบนี้ ผมเสียใจและผิดหวังที่เห็นคนรุ่นใหม่ไม่สามารถก้าวพ้นวังวนการเมืองเก่าๆ ไปได้(https://www.facebook.com/piti.srisangnam/posts/10156992180447225)
และในเมื่อพวกคุณเสียสัตย์ไปแล้ว #คราวนี้จะให้ผมเชื่อใจได้อย่างไรว่าพวกคุณจะไม่เสียสัตย์อีกในอนาคต โดยเฉพาะกับเรื่องสำคัญๆ ที่คนไทยจำนวนมากหวาดระแวงจากแนวคิดในอดีตของพวกคุณ
เนื่องจากผมเป็นคนหนึ่งที่เชียร์การทำงานของพวกคุณมาโดยตลอดทำให้ผมได้มีโอกาสอ่าน Manifesto (คำประกาศเจตนารมน์ในการก่อตั้งพรรคและแนวนโยบายของพรรค) และได้ติดตามการแถลงของอาจารย์ปิยบุตรว่า #อนาคตใหม่จะไม่แก้ไขมาตรา 112 (ดู https://www.youtube.com/watch?v=H8SYbbxSRBY) เคยแม้แต่การออกตัวกับสื่ออาวุโสอย่างคุณสุทธิชัย หยุ่น ในรายการ Suthichai Live ในวันที่หลายๆ คนเคลือบแคลงในแนวทางทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่ว่า ที่ประกาศว่าจะเข้าไปแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น พรรคอนาคตใหม่จะแก้ไขมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ ผมออกตัวในรายการเลยว่า ถ้าอ่านจากนโยบายของพรรค พรรคอนาคตใหม่ไม่มีข้อเสนอที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน และไม่แก้ไข กฎหมายอาญามาตรา 112 (ดู https://www.facebook.com/suthichai.yoon/videos/10157297821181209/)
ซึ่งแน่นอนว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายหนักใจกับแนวคิดที่อาจารย์ปิยบุตรเคยแสดงออกในหลายวาระ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ยืนยันให้ว่า นโยบายพรรคเขาไม่มีเรื่องนี้นะ แต่วันนี้วันที่พวกคุณเริ่มต้นชีวิตการเมืองด้วยการเสียสัตย์ จะให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่าพวกคุณจะยังยึดมั่นในการทำงานตามแนวนโยบายที่คุณวางเอาไว้ เมื่อถือเวลาที่คุณต้องการแก้รัฐธรรมนูญ จะมีอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้ผมและคนไทยหลายๆ คนที่สนับสนุนคุณเชื่อได้ว่าคุณจะไม่แก้ไขในส่วนของสถาบัน และไม่แก้ไขมาตรา 112 ของกม.อาญาให้เป็นไปในรูปแบบที่คุณเคยเสนอแนวคิดไว้ในอดีต แนวคิดที่คุณไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในบริบทที่แตกต่าง เงื่อนไขที่แตกต่างในแต่ละสังคมเลย
อาจารย์ปิยบุตรเคยแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผยในเวทีที่มีการเผยแพร่ทางสื่อมากมาย เช่น ในการเสวนาหัวข้อ “การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์” ซึ่งจัดโดยกลุ่ม 24 มิถุนาฯ เมื่อวันที่ 17/2/2013 (ดู https://www.youtube.com/watch…)
โดยอาจารย์กล่าวในนาทีที่ 5.38 ถึงบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยในรูปแบบที่ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากไม่เห็นด้วย หรือในนาทีที่ 7.25 อาจารย์ปิยบุตรก็กล่าวถึงแนวคิดของ Louis Antoine de Saint-Just อาจารย์บอกว่าเขาอภิปรายไว้ดีมาก ในการพิจารณาคดีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 “คุณไม่ต้องไปดูหรอกว่าองค์พระประมุขหรือพระมหากษัตริย์เขาจะเป็นคนดี หรือ คนเลว เขาจะทำงานดี หรือ ทำงานไม่ดี โดยสภาพการณ์ของสถาบันกษัตริย์ ลักษณะของสถาบันกษัตริย์ มันเป็น Tyranny มันเป็นทรราชในตัวมันเอง” “การเป็นทรราชไม่ได้ถือว่าเป็นคนเลว แต่เพราะการถืออำนาจของทั้งหมดทุกคนไปถือไว้ที่คนคนเดียว มันผิดตั้งแต่แรกแล้ว มันผิดตั้งแต่วันเริ่มต้น โดยลักษณะทางธรรมชาติของตัวสถาบันเอง ไม่ได้เกี่ยวกับตัวบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น” แล้วอาจารย์ก็พูดต่อในนาทีที่ 8.20 ในสิ่งที่ผมเชื่ออีกเหมือนกันว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ และแสดงให้เห็นว่าอาจารย์อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเงื่อนไขและบริบทของสังคมไทย