ปั้นแบรนด์ชนแบรนด์ หมัดเด็ดชิงลูกค้า

30 มี.ค. 2562 | 23:20 น.

ในยุคที่เมกะโปรเจ็กต์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐติดสปีด พลิกหน้าดินเปิดทำเลใหม่ การแข่งขันในตลาดที่อยู่อาศัยยิ่งดุเดือดรุนแรงขึ้น จากจำนวนโครงการเปิดใหม่-ดีเวลอปเปอร์รายย่อย-แบรนด์ใหม่ทะลักเข้าตลาดต่อเนื่อง นอกจากรายใหญ่ต้องเฟ้นหาที่สุดของทำเล พัฒนาโปรดักต์ให้คุณภาพทิ้งห่างเพื่อรักษายอดขายแล้ว การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายผ่านกลยุทธ์แตกต่างกันยิ่งเป็นสิ่งจำเป็น เพราะถือเป็นโอกาสที่อาจส่งผลถึงการตัดสินใจของ "ว่าที่ลูกค้า" ซื้อบ้านและคอนโดฯ ของตนเองในอนาคต โดยเฉพาะช่วงมาตรการรัฐบังคับใช้

ยักษ์ใหญ่ในวงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นายนพปฎล พหลโยธิน ประธานบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ กล่าวถึงการเดินหน้าสร้างแบรนด์ฉีกกฎการตลาดแนวใหม่ ผ่านโปรเจ็กต์การพัฒนา "SIRI HOUSE" ใน 2 สาขา ทั้งสิงคโปร์และไทย (ซอยสมคิด) ด้วยงบลงทุน 70 ล้านบาท กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปัจจุบัน บริษัทมีทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โปรดักต์ครอบครัว ทั้งแนวราบและกลุ่มคอนโดมิเนียม แต่ลูกค้ายังติดภาพลักษณ์เป็นโครงการที่เข้าถึงยาก มีราคาแพง ผ่านภาพจำโครงการแฟล็กชิพในอดีต เช่น บ้านไข่มุก, 98 wireless เป็นต้น ที่มีราคาค่อนข้างสูง แต่ปัจจุบัน บริษัทมีโปรดักต์ในหลากหลายราคา ตั้งแต่ทาวน์เฮาส์ราคา 1 ล้านบาทต้น ๆ ไปจนถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี จึงต้องการพลิกโฉมภาพลักษณ์ผ่านไลฟ์สไตล์คอมมิวนิตีสเปซ สำหรับคนทั่วไปและลูกบ้านให้มีโอกาสสัมผัสถึงความเป็นแสนสิริในแง่ต่าง ๆ ผ่านร้านกาแฟ, ร้านอาหาร, งาน ART และอีเวนต์กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ตั้งแต่เด็ก-ผู้ใหญ่ แม้ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท และความรู้สึกที่ดีจากการได้สัมผัสจะเป็นสะพานเชื่อมลูกค้ากับแบรนด์อย่างที่ในอดีตมีข้อจำกัด

 

ปั้นแบรนด์ชนแบรนด์ หมัดเด็ดชิงลูกค้า

 

นายนพปฎล ยังระบุว่า กลยุทธ์ดังกล่าวอาจไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายในทันที แต่แบรนด์ที่ดี เป็นที่จดจำ จะมีส่วนช่วยอย่างมากต่อการตัดสินของลูกค้าในอนาคต เพราะปัจจุบัน การแข่งขันแบรนด์ในวงการอสังหาฯไทยเข้มข้นขึ้น เมื่อเทียบกับอสังหาฯ ในต่างประเทศ ที่แทบไม่มีแบรนด์ใดเป็นที่จดจำ ถือเป็นเรื่องที่ท้าทายและสร้างสรรค์อย่างมาก

"อสังหาฯ ต้องไม่ใช่การยัดเยียดขายให้ลูกค้าอย่างเดียว แบรนด์ดังทำไม่ยาก แค่ใช้เงิน แต่ทุกบริษัทอยากเป็นแบรนด์ที่ลูกค้า Love สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการ เพราะแต่ละแบรนด์ต้องการสร้างจุดยืน ความสนุกเทียบเท่ากับแบรนด์ในวงการแฟชั่นด้วยซํ้า ทุกคนคอยจับตามองว่า แบรนด์นี้ออกโปรดักต์ตัวไหน กำลังสื่ออะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้บริโภค ด้วยการแข่งขันที่สูงทำให้ได้โปรดักต์ที่ดีมีคุณภาพไปด้วย"

ทั้งนี้ เชื่อมั่นการสร้างแบรนด์แนวใหม่ผ่าน SIRI HOUSE ทั้ง 2 แห่ง จะเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนยอดขายของบริษัทสู่ระดับ 1.6 แสนล้านบาท ภายในปี 2564 และมีเป้าหมายเป็นแบรนด์ครองใจอันดับ 1 สำหรับผู้บริโภคทั้งไทยและต่างชาติ ภายในระยะ 1 ปี

ด้าน หญิงแกร่งแห่งวงการ นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวถึงกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ผ่านแนวคิด MADE FROM HER ผู้หญิงอยู่สบาย ผู้ชายแฮปปี้ ในการบุกตลาดปี 2562 ต่อเนื่อง ว่า เพื่อตอกยํ้าจุดยืนในการฒนาที่อยู่อาศัยและการบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันสูงสุด โดยหยิบยกการใส่ใจรายละเอียดแบบผู้หญิงมาทำให้โปรดักต์ที่ออกมามีคุณภาพ และถือเป็นความต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด เพราะไม่เหมือนใคร

ทั้งนี้ ยังต้องการสร้างภาพลักษณ์ของโปรดักต์ให้ชัดเจนในกลุ่มเป้าหมายด้วย เพราะบ้านหรือที่อยู่อาศัย เปรียบเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงสุดในชีวิตผู้ซื้อ ผ่อนยาวนาน 30 ปี ผู้ซื้อย่อมต้องการผู้สร้างที่ไว้ใจได้ ซึ่งเหล่านั้นต้องมาจากแบรนด์ที่คุ้นเคย ทำให้แทบทุกบริษัทให้ความสำคัญ ขยันสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและจดจำในใจลูกค้า ขณะที่ ในแง่ผู้พัฒนานั้น การสร้างแบรนด์เปรียบเป็นการลงทุนเช่นกัน


"การสร้างแบรนด์จะทำให้คนจำได้เป็นเรื่องยากมาก คือ ต้นทุนของผู้พัฒนา เพราะทุก 3 นาที ลูกค้าพร้อมจะเปลี่ยนใจ บ้าน คือ สินทรัพย์ก้อนใหญ่สุดในชีวิต ไม่ใช่แฟชั่น ไม่ใช่สินค้าอุปโภค-บริโภค ที่ซื้อแล้วซื้อซํ้าได้ เพราะฉะนั้น เนื้อหาที่สื่อออกไปจะคิดสั้น ๆ ไม่ได้ เนื่องจากคนซื้อต้องการความน่าเชื่อถือ"

ขณะที่ แหล่งข่าวของ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ผู้พัฒนาอสังหาฯ ของไทยเก่าแก่ 46 ปี กว่า 280 โครงการ กล่าวหลังจากบริษัทเพิ่งเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่ล่าสุด "คิดต่างก็อยู่ด้วยกันได้" ความยาว 1 นาที ว่า ปัจจุบัน บริษัทให้ความสำคัญต่อคุณภาพของสินค้า ลูกค้า และการบริการหลังการขายมาตลอด โดยยึดหลักตามสโลแกน "เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น" หรือ "For a Better Living" ที่คำนึงถึงความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า การแข่งขันของแบรนด์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เข้มข้นขึ้น ก็ทำให้บริษัทต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ทั้งในด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี การก่อสร้าง การออกแบบ การบริการ รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้วย ทั้งนี้ หวังเพื่อจะได้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างดีและลงตัว เป็นส่วนหนึ่งให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

หน้า 25-26 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ 3,457 วันที่ 31 มีนาคม-3 เมษายน 2562

 

ปั้นแบรนด์ชนแบรนด์ หมัดเด็ดชิงลูกค้า