กรุงศรีฯ เจาะลูกค้า SMEs ญี่ปุ่น หวังรายได้อัตราแลกเปลี่ยนโต 24%
กรุงศรีอยุธยา ลั่นตั้งเป้าสินเชื่อโตแค่ 2% หรือคิดเป็นวงเงิน 8 หมื่นล้านบาท คงค้างแตะ 2.04 แสนล้านบาท เหตุต้องการให้ RM มุ่งหารายได้ค่าธรรมเนียม รุกเจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นใช้บริการเพิ่ม ดูดธุรกรรมโอนเงิน-เทรดไฟแนนซ์ คาดรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยโต 24% วงเงินธุรกรรมการค้าอยู่ท 7 พันล้านบาท เอ็นพีแอลคงที่ 3.8%
นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางการปล่อยสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ในปีนี้ แม้ธนาคารจะตั้งเป้าเติบโตไม่สูงมากอยู่ที่ระดับ 2% หรือคิดเป็นวงเงิน 8 หมื่นล้านบาท จากยอดสินเชื่องค้าง ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 2 แสนล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปี 2562 สินเชื่อคงค้างน่าจะจบอยู่ที่ 2.04 แสนล้านบาท และตั้งเป้าเติบโตเงินฝากต้นทุนต่ำอยู่ที่ 6.2% ขณะที่พยายามรักษาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ที่ 3.8%
ทั้งนี้ หากดูตัวเลขการเติบโตสินเชื่อที่ระดับ 2% แม้จะค่อนข้างน้อย แต่เนื่องจากธนาคารต้องการให้ทีมงานลูกค้าสัมพันธ์ (RM) มุ่งเน้นการหารายได้จากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ผ่านการธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศในส่วนของลูกค้าญี่ปุ่นมาไทย ซึ่งจากเดิมลูกค้าจะใช้บริการโอนเงินระหว่างประเทศไปยังธนาคารอื่น ซึ่งในปีนี้จะมุ่งขยายส่วนนี้มากขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 24% จากปีก่อนเติบโตอยู่ที่ 22% รวมถึงตั้งเป้าปล่อยวงเงินสินเชื่อธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finanace) อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท จากปีก่อนสามารถปล่อยวงเงินสินเชื่อได้ราว 4,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ธนาคารจะขยายฐานลูกค้าเอสเอ็มอีญี่ปุ่น ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่น และมียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในไทย แต่ยังไม่ได้ใช้บริการธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำนวนราว 2,800 ราย โดยในปีนี้ธนาคารจะส่งทีมงานที่เป็นคนญี่ปุ่นที่มีอยู่ราว 6 คน เข้าไปเจาะลูกค้ากลุ่มนี้ เพื่อเสนอบริการให้กับลูกค้า คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถให้ลูกค้ากลุ่มนี้มาใช้บริการธนาคารได้ราว 100 ราย และหลังจากนั้นจะประเมินผลและความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ต่อไป
“เป้าหมายสินเชื่อดูเหมือนเติบโตน้อยแค่ 2% แต่เป็นกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ เนื่องจากเราต้องการให้ RM มุ่งสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมผ่านธุรกรรมการโอนเงินระหว่างประเทศ และธุรกรรมเทรดไฟแนนซ์ โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นที่เราจะใช้จุดแข็งที่เรามีอยู่ผ่านบริษัทแม่อย่าง MUFG เพราะหากเราต้องเป้าสินเชื่อสูง จะทำให้ทีมงานจะมุ่งแต่หาสินเชื่ออย่างเดียว อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าทั้งปียอดสินเชื่อน่าจะเกินเป้าที่ 2% แน่นอน”
สำหรับภาพรวมสินเชื่อในช่วง 2 เดือนแรก ถือว่าเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งในส่วนของยอดสินเชื่อปล่อยใหม่และรายได้ค่าธรรมเนียม โดยยอดสินเชื่อที่เติบโตนั้นยังคงมาจาก 3 อุตสาหกรรมหลัก คือ กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (RealEstate) กลุ่มค้าปลีกค้าส่ง และกลุ่มภาคการผลิต เป็นต้น อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 จะเป็นช่วงที่ยอดสินเชื่อขยายตัวไม่สูงมาก ดังนั้น ธนาคารต้องปล่อยสินเชื่อใหม่ให้สอดคล้องกับยอดชำระหนี้คืน (Repayment) ด้วย ส่วนปัจจัยการเลือกตั้งบอกว่าเป็นปัจจัยชั่วคราว เชื่อว่าภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการนักลงทุนไทยสามารถปรับตัวได้
