ทางออกนอกตำรา : กลยุทธ์สร้าง ‘ธนาธร’ คับฟ้า Social Listening  -  ทษช.เทคะแนน

27 มี.ค. 2562 | 14:05 น.

ทางออกนอกตำรา  : กลยุทธ์สร้าง ‘ธนาธร’ คับฟ้า  Social Listening  -  ทษช.เทคะแนน
ทางออกนอกตำรา  : กลยุทธ์สร้าง ‘ธนาธร’ คับฟ้า  Social Listening  -  ทษช.เทคะแนน
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สร้างความฮือฮาและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการเมืองไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน


ที่ฮือฮากันอันดับแรก เป็นการชนะเสียงจากการลงคะแนนของประชาชนทั่วประเทศของพรรคพลังประชารัฐ ที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียง 7,939,937 คะแนน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิดว่าจะชนะ อย่างดีก็เป็นพรรคอันดับ 2 แต่กลายเป็นพรรคที่ประชาชนใช้สิทธิกาบัตรลงคะแนนให้มากที่สุด

ฮือฮาตาตั้งอีกเรื่อง คือ การพ่ายแพ้ครั้งแรกในรอบ 17-18 ปีของ “ตระกูลชินวัตร” เจ้าของตัวจริงเสียงจริงแห่งพรรคเพื่อไทยที่ชนะขาดมาตลอด ยุคคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะท่วมท้นถึง 265 ที่นั่ง แต่รอบนี้ค่ายคูประตูหอรบชินวัตรถูกตีแตกได้แค่ 7,423,361 คะแนน ได้ ส.ส.เขต 137 ที่นั่ง

ทว่า แม้เพื่อไทยจะได้ส.ส.เขตจำนวนมาก แต่ปาร์ตี้ลิสต์กลับไม่มีแม้แต่ที่นั่งเดียว บรรดาขาใหญ่ เช่น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ภูมิธรรม เวชยชัย โภคิน พลกุล พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ชัยเกษม นิติสิริ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เสนาะ เทียนทอง ปลอดประสพ สุรัสวดี กลายเป็นส.ส.สอบตกถ้วนหน้า

ที่เซอร์ไพรส์สร้างประวัติศาสตร์การเมืองไทยได้กว่านั้น คือการที่พรรคอนาคตใหม่ ที่มี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหัวหน้าพรรค ตั้งขึ้นมาไม่นานนักกลับชนะคะแนนท่วมท้น ได้ทั้ง ส.ส.เขตมาจากทั่วประเทศมากกว่า 29 ที่นั่ง ได้ปาร์ตี้ลิสต์อีกบานตะไท รวมแล้วมีที่นั่งในรัฐสภาอาจทะลุ 80 ที่นั่ง ถือเป็นปรากฏการณ์สะท้านเมืองชนิดที่คุณธนาธรเอง ก็คาดไม่ถึงว่าจะได้มากถึง 5,871,137 คะแนน

และที่อ้าปากค้างไปตามๆ กันจนบัดป่านนี้ยังช็อกกันทั้งประเทศคือ การที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือเป็นสถาบันทางการเมืองของไทยโดนสึนามิพ่ายแพ้หมดรูป ไม่มีส.ส.แม้แต่คนเดียวในพื้นที่ กทม. ขณะที่ผนังทองแดงกำแพงเหล็กยากที่ใครจะตีแตกพ่ายได้ในพื้นที่ภาคใต้ กลับได้ไม่กี่ที่นั่ง ทั้งประเทศได้แค่ 3,704,654 คะแนน กลายเป็นพรรคอันดับ 5 พ่ายจำนวนส.ส.เขตให้กับพรรคภูมิใจไทยที่มีเสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นหัวหน้าพรรค ที่ได้รวมกันกว่า 51 ที่นั่ง มีคะแนนพรรค 3,512,446 คะแนน

พ่ายแพ้หมดรูปชนิดที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ ต้องประกาศลาออกจากตำแหน่งทันทีเมื่อทราบผลการเลือกตั้ง และถึงตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังต้องควานหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้ตกตตํ่า ใช่เพราะ “ยุทธศาสตร์ไม่เอาประยุทธ์-วาทกรรมแทงกั๊ก-สู้มุ่ด-พ่ายคนรุ่นใหม่ที่ไม่ถนัด”!?! ยังมึนตึ้บไม่มีคำตอบ
ทางออกนอกตำรา  : กลยุทธ์สร้าง ‘ธนาธร’ คับฟ้า  Social Listening  -  ทษช.เทคะแนน
ทางออกนอกตำรา  : กลยุทธ์สร้าง ‘ธนาธร’ คับฟ้า  Social Listening  -  ทษช.เทคะแนน

 

 

เซอร์ไพร์ส์กว่านั้นพรรคการเมืองเก่ากลับเหี่ยวเฉา หลายพรรคการเมืองได้ส.ส.เขตจำนวนน้อย แต่ได้ปาร์ตี้ลิสต์จำนวนมาก บางพรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ไม่มีส.ส.เขตแม้แต่คนเดียว แต่กลับได้ปาร์ตี้ลิสต์ 3-4 คน ล้วนเป็นอานิสงส์จากรัฐธรรมนูญที่ใช้กติกาเดียวกันในการเลือกตั้งครั้งนี้ทั้งสิ้น

นี่คือประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 ที่ผมอยากบันทึกไว้และอยากพาทุกท่านมาหาคำตอบว่า ทำไมพรรคใหญ่พ่ายหมดรูป ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ชนะแบบท่วมท้น ชนิดที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักชื่อ คุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.แม้แต่น้อย

อย่าว่าแต่ประชาชนเท่านั้นที่ไม่รู้จักผู้สมัครแต่ละคน แต่ละเขต รวมถึงผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาจากคะแนนเสียงของมหาชน ผมขอท้าได้ว่า แม้แต่คณะกรรมการบริหารพรรคยังไม่รู้จักหน้าตา และหากคนเหล่านี้เดินเข้ามา พวกเขายังไม่รู้ว่าเธอ เขา เป็นใครเลย...

คนรุ่นใหม่ คนรุ่นกลาง ใครจะเถียงผมก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าใครสงสัยจะหาหลักฐานไปดูได้เลยครับ ในพรรคอนาคตใหม่ ยังไม่มีรูป ไม่มีประวัติของส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของพวกเขาเลยครับนอกจาก 10 - 20 คน ที่เป็นแกนนำ

แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ของ พี่เอก-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชนะใจประชาชน สร้างประวัติศาสตร์ได้เสียงจากประชาชนอย่างท่วมท้น 5.8 ล้านคะแนน จนได้ส.ส.ในสภาเกือบร้อย!คำตอบของปฐมบทแห่งการชนะใจประชาชนจนชนะใส มีอยู่ 3 เรื่องที่ พรรคการเมืองและประชาชนพึงศึกษาและรับรู้

ประเด็นใหญ่สุด ที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่และธนาธรสร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทยให้ตกตะลึง ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างจริงจังจนทำให้พรรคอนาคตใหม่กลายเป็นพรรคที่มีนํ้าหนักต่อการเมืองระบบรัฐสภาอย่างคาดไม่ถึง ไม่อาจปฏิเสธได้เกิดจากการใช้กลยุทธ์ Social Listening Tools ซึ่งก็คือ กระบวนการติดตามการสนทนาเกี่ยวกับหัวข้อ, คำหลัก, วลี, แบรนด์หรืออุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจงบน Social Media และการใช้ข้อมูลเชิงลึกของคุณ เพื่อค้นหาโอกาสหรือสร้างเนื้อหาสำหรับผู้ชมเหล่านั้น มากกว่าการเฝ้าดูเฉยๆ

Social Listening ที่พรรคอนาคตใหม่ใช้ คือ การฟังเสียงผู้บริโภคในสื่อสังคมออนไลน์ Facebook,Youtube,Instagram,Twitter,Line และการ @Mentions ความคิดเห็นผ่านทางโปรไฟล์ทางสังคมผ่านแอพพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่หรือบล็อก เพื่อตรวจสอบ ประมวลผลกลุ่มคนจำนวนมากที่พูดถึงพรรคอนาคตใหม่และตัวตนของคุณธนาธร

จากนั้นก็รวบรวมการพูดถึง ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมออกมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประมวลผล และเริ่มต้น “กำหนดกลยุทธ์ สร้างวาทกรรม สร้างตัวตน สร้างฐานความคิด สร้างไอเดียมาฉุดรั้ง ชี้นำความคิด ผ่านการสร้างเนื้อหาที่โดนใจไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่โดยตรง”


เมื่อประมวลข้อมูลความคิดผู้คนได้ ก็ใช้นักเลงคีย์บอร์ดที่จัดตั้งขึ้นมาจัดการ Crisis Management ได้อย่างทันท่วงที เวลาที่คนพูดถึงพรรคอนาคตใหม่ คุณธนาธรในเชิงลบ ชนิดแบบทันทีที่มีการพูดถึง Keyword ที่ถูก Set ไว้ Social Enable รวมถึงตรวจสอบที่มาของการกระจายข้อมูลว่าช่องทางใด และสามารถสืบทราบได้ว่าข้อมูลกระจายไปที่ไหนบ้างบนโลกออนไลน์

ปรากฏการณ์ #ฟ้ารักพ่อ #พ่อก็รักฟ้า #พ่อของฟ้า แฮชแท็กน่ารักดูอบอุ่นที่สะท้านเมือง #โตแล้วเลือกเองได้ ขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ในทวิตเตอร์คืน 23 มีนาคมก่อนวันเลือกตั้ง

ปรากฏการณ์ติดแฮชแท็ก #ThailandElection2019 #เลือกตั้ง2562 #โตแล้วเลือกเองได้ #ThaiElection #จับปากกาฆ่าเผด็จการ ขึ้นท็อปเทรนด์ ของทวิตเตอร์ โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ส่วนใหญ่ ทวีตถึงการเลือกตั้ง 2562 ล้วนเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้

พรรคอนาคตใหม่ใช้รูปแบบนี้ในการหาเสียง สร้างนโยบายผ่านสื่อ สร้างวาทกรรมต่อต้านเผด็จการเต็มรูปแบบ เพื่อดึงคะแนนนิยม ในกลุ่มวัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ คนสมัยใหม่ 7-8 ล้านคนที่เกิดและเติบโตมาพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ไม่ว่าจะเกิดกระแสอะไรขึ้นบนโลกออนไลน์ ก็พร้อมจะกระพือกระแสให้กระหึ่มได้ ขณะที่พรรคการเมืองเก่าวิ่งไล่ตามก้นไม่ทัน

รูปแบบนี้เหมือนกับช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2016 ซึ่ง University Carlos III de Madrid ได้ศึกษาและนำตัวเลขมาเปิดเผยว่า ทีมงานโดนัล ทรัมป์ ใช้จ่ายไปถึง 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,399 ล้านบาท) ผ่านแคมเปญโฆษณากว่า 175,000 ชิ้นบนโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ขณะที่ ฮิลลารี คลินตัน จากพรรคเดโมแครตใช้เงินไป 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 890 ล้านบาท จนสร้างปรากฏการณ์ในโลกเสมือนชนะใจคนท่วมท้น

ประการต่อมา ธนาธร สามารถสร้างจุดขายจากการเดินหน้าสร้างกลุ่มการเมืองแบบปิด (Close Group) จำนวนมากมายขึ้น โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ คนวัย 20-45 ปี บรรดาหัวคะแนนของแต่ละพรรค เพื่อดึงคนรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมามีบทบาทในพรรคการเมืองมากขึ้น โดยมีนักการเมืองรุ่นเก่าที่ถนัดทางการสร้างยุทธศาสตร์คอยวางกลยุทธ์ให้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นกลุยทธ์ที่พรรคเก่ามองไม่เห็น เอื้อมไปไม่ถึง เหมือนที่คุณหมอวรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมายอมรับว่า เป็นสนามรบที่ประชาธิปัตย์ไม่ถนัด แต่หัวหน้านำทัพออกไปรบในยุทธศาสตร์ที่คนรุ่นเก่าของพรรครับมือไม่ได้

ร้ายกว่านั้น ธนาธร ยังสามารถต่อท่อที่เชื่อมต่อไปยังพรรคไทยรักษาชาติ ที่ถูกสั่งยุบพรรค ได้แบบไร้ร่องรอย อย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง จนเกิดปรากฏการณ์เทคะแนนให้กับผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่และตัวพรรคอนาคตใหม่อย่างถล่มทลาย ซึ่งเรื่องนี้คนในพรรค ทษช.หัวคะแนนต่างยอมรับว่ามีคำสั่งมาให้ดำเนินการในช่วงสัปดาห์สุดท้าย

ผลที่ตามมาคือปรากฎการณ์ที่เมืองแพร่ ซึ่งกลุ่มขั้วอำนาจเดิมของเสี่ยแมว เทคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ชนะไปทั้งจังหวัด พื้นที่กรุงเทพฯที่พรรคอนาคตใหม่ได้ส.ส.เขตมา ในแทบทุกพื้นที่ที่ทางพรรค ทษช.ส่งผู้สมัครแต่ถูกตัดสิทธิเพราะยุบพรรคไป และเป็นการชนะในพื้นที่ที่พรรคเพื่อไทยไม่ส่งคนลงแข่ง ยกเว้นแค่บางเขต

ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ให้บทเรียนบางอย่างแก่นักการเมือง คนไทยแน่นอน แม้ว่าตอนนี้จะเบลอๆ ขณะเดียวกันการหาเสียงกับการทำงานจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ไม่นานคนไทยได้ประจักษ์...


| คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา
| โดย : บากบั่น บุญเลิศ
| หนังสือพิมพ์ฐานเศราฐกิจ ฉบับ 34456 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 28-30 มี.ค.2562
ทางออกนอกตำรา  : กลยุทธ์สร้าง ‘ธนาธร’ คับฟ้า  Social Listening  -  ทษช.เทคะแนน