‘SCG-ไถ่เชียง’ยึดระนอง ผุดศูนย์วัสดุก่อสร้างรับเศรษฐกิจชายแดนเติบโต

28 มี.ค. 2562 | 08:40 น.

ยุทธศาสตร์ประตูตะวันตกดันเศรษฐกิจระนองทะยาน “ไถ่เชียง” กระชับมือเอสซีจีผุดศูนย์ค้าวัสดุก่อสร้างครบวงจร รองรับทั้งตลาดอสังหาฯเติบโต และส่งขายข้ามแดนป้อนโครงการก่อสร้างเมียนมาที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

‘SCG-ไถ่เชียง’ยึดระนอง ผุดศูนย์วัสดุก่อสร้างรับเศรษฐกิจชายแดนเติบโต

นายนิติวิท หวังสวัสดิ์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไถ่เชียงระนอง จำกัด ผู้จัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากร่วมมือกับค่ายเอสซีจีลงทุนเปิดซีเมนต์ไทยโฮมมาร์ทไปแล้ว ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี เพื่อรองรับการเติบโตต่อเนื่องและรับมือการแข่งขันในธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างที่รุนแรงขึ้น จึงพัฒนารูปแบบเป็น “เอสซีจี รูฟฟิ่ง เซ็นเตอร์ ไถ่เชียงระนอง” ขึ้นที่ ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เพื่อเป็นศูนย์บริการและจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างครบวงจรแห่งแรกของระนอง

“เอสซีจี รูฟฟิ่ง เซ็นเตอร์ ไถ่เชียงระนอง” แห่งนี้ ก่อตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในพื้นที่ นอกจากจำหน่ายวัสดุก่อสร้างอย่างครบถ้วนแล้ว ยังมีบริการต่างๆ เพื่อให้บ้านเป็นที่พักของทุกคนในครอบครัวได้อยู่อาศัยอย่างไร้กังวล เพิ่มความมั่นใจการปลูกสร้างบ้าน อาทิ บริการคำปรึกษาฟรี แนวทางแก้ปัญหา จนถึงการออกแบบบ้าน ถอดแบบเพื่อประเมินราคาเบื้องต้น บริการติดตั้งและรับประกันโดยทีมช่างมืออาชีพ เป็นต้น

‘SCG-ไถ่เชียง’ยึดระนอง ผุดศูนย์วัสดุก่อสร้างรับเศรษฐกิจชายแดนเติบโต

นายนิติวิทกล่าวต่อว่า เศรษฐกิจการค้าชายแดนระนอง-เกาะสอง มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งเมียนมาที่การก่อสร้างกำลังขยายตัวเป็นอย่างมาก อีกทั้งระนองยังเป็นประตูการค้าฝั่งตะวันตก รัฐบาลและจังหวัดมียุทธศาสตร์การพัฒนาอีกหลายด้าน เช่น ภาคประมง เกษตรกรรม อุตสาหกรรม โครงข่ายคมนาคมขนส่งสู่ฝั่งทะเลอันดามัน ที่จะเชื่อมโยงกับอีกหลายประเทศในอนาคต มีการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างสูงต่อเนื่องอีกนาน จึงได้ตัดสินใจเข้ามาตั้งฐานลงทุนในระนองดังกล่าว

ด้านนายนิตย์ อุ่ยเต็กเค่ง ที่ปรึกษาคณะกรรมการหอการค้า จ.ระนอง กล่าวว่า การค้าชายแดนที่ขยายตัวสูงในช่วงที่ผ่านมาคือ ปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างเครื่องใช้ในบ้าน แสดงถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจฝั่งเมียนมาที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียนตั้งแต่ปี 2559 มีการลงทุนและก่อสร้างหลายโครงการ อาทิ อาคารพาณิชย์ โรงแรม เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ในช่วงต้นปี 2562 คาดว่าจะไม่ต่างจากที่ผ่านมามากนัก โดยประเภทสินค้าที่มีการส่งออก 10 อันดับแรก ได้แก่ นํ้ามันเชื้อเพลิง หล่อลื่น ปูนซีเมนต์ เครื่องยนต์ต้นกำลังขับ ก๊าซ ส่วนสินค้าส่งออก 10 อันดับแรก ได้แก่ นํ้ามันเชื้อเพลิง หล่อลื่น ปูนซีเมนต์ ท่อเหล็ก เครื่องดื่มให้พลังงาน ตาข่ายจับปลา ฯลฯ

โดยเฉพาะปูนซีเมนต์มีอัตราการขยายตัวสูงมาก ตามการขยายตัวของการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานของเมียน มาที่กำลังดำเนินการในเมืองสำคัญๆ เพื่อรองรับการขยายตัว การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวในเมียนมาในอนาคต

นางวนิดา อรุโณทัย พาณิชย์จังหวัดระนอง กล่าวว่า ภาวะการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ในช่วงต้นปี 2562 มีแนวโน้มดีขึ้น โดยยอดการค้าชายแดนไทย-เมียน มา ด้าน จ.ระนอง-เกาะสอง ในเดือนมกราคม 2562 มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้น 2,547.24 ล้านบาท เทียบกับเดือน ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา มียอดการค้ารวม 2,499.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.43 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 417.17 ล้านบาท คิดเป็น 19.58%

แยกเป็นการส่งออก มีมูลค่าส่งออกทั้งสิ้น 1,627.29 ล้านบาท และการนำเข้ามีมูลค่าทั้งสิ้น 919.95 ล้านบาท 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,456 วันที่ 28 - 30 มีนาคม 2562

‘SCG-ไถ่เชียง’ยึดระนอง ผุดศูนย์วัสดุก่อสร้างรับเศรษฐกิจชายแดนเติบโต