RSรุกโออีเอ็มป้อนทีวีช็อปปิ้ง

“อาร์เอส” รุกผลิตสินค้าขายผ่านทีวีช็อปปิ้ง จับมือผู้ผลิต OEM คาด 3 ปีมียอดขายรวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมวางแผนเพิ่มพนักงานขายทางโทรศัพท์เจาะกลุ่มลูกค้าซื้อซํ้าตั้งเป้าขยับฐานลูกค้าจาก 1.2 ล้านรายเพิ่มเป็น 1.8 ล้านราย

ปัจจุบันธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีกในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 2.5 ล้านล้านบาท และหลายฝ่ายเชื่อว่าธุรกิจพาณิชย์จะมีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง หลังมีการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ ขณะที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น เช่นเดียวกับบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ที่เชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจพาณิชย์ จะเติบโตสอดคล้องเช่นเดียวกับธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) ของอาร์เอส ซึ่งเป็นรูปแบบธุรกิจใหม่ ที่เข้ามาตอบโจทย์กับพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคในยุค 4.0

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 นี้บริษัทวางแผนขยายธุรกิจทางแนวตั้งโดยจะเป็นพาร์ต เนอร์กับผู้ผลิต Original Equipment Manufacturer (OEM) เพื่อรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด และการผลิตแบรนด์ของตัวเอง ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากได้ร่วมธุรกิจกับไทยรัฐทีวีขยายธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทางเพิ่ม ซึ่งจากการรวมตัวครั้งนั้นบริษัทเชื่อว่าในปี 2562 จะมีรายได้ราว 350 ล้านบาท และปี 2563 มีรายได้กว่า 455 ล้านบาท

“วันนี้อาร์เอสพร้อมก้าวขึ้นเป็นเจ้าของโรงงานผลิตสินค้าเพื่อสร้างสรรค์แบรนด์คุณภาพในกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จินสูง เชื่อว่าอาร์เอสจะสร้างอาณาจักรใหม่ที่ยิ่งใหญ่และมั่นคง เป็นผู้นำในธุรกิจพาณิชย์และค้าปลีกของประเทศ ไทย ทลายทุกข้อจำกัดที่ผู้เล่นรายอื่นยังไม่ได้ทำ มุ่งสู่ความสำเร็จสูงสุด โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายไม่ตํ่ากว่า 1 หมื่นล้านบาทภายใน 3 ปี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปได้”

ขณะเดียวกันในปี 2562 บริษัทยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์เดินหน้าพัฒนาออกสินค้าและบริการกว่า 200 SKU ซึ่งปัจจุบันแบ่งเป็น 3 กลุ่มสินค้าหลักได้แก่ กลุ่มสินค้าสุขภาพและความงาม 80% อาทิ กลุ่มสกินแคร์ภายใต้แบรนด์มาจีค, กลุ่มแฮร์แคร์ภายใต้แบรนด์รีไวฟ์ และกลุ่มอาหารเสริมภายใต้แบรนด์ (S.O.M) 2. กลุ่มสินค้าเครื่องใช้ภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ 15% และกลุ่มเครื่องประดับและความเชื่อและอื่นๆ 5%

อีกทั้งบริษัทได้วางแผนเพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telesales) ที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญรองรับการซื้อซํ้าของผู้บริโภครวมทั้งให้บริการคำปรึกษาแนะนำธุรกิจตลอด24ชั่วโมง พร้อมทั้งมุ่งให้ความสำคัญการบริหารฐานข้อมูล BigData ขนาดใหญ่จากปัจจุบันที่มีฐานลูกค้าราว 1.2 ล้านรายให้เพิ่มเป็น 1.8 ล้านรายในปีนี้ ซึ่งการนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์ในเชิงลึกจะช่วยให้พัฒนาและนำเสนอสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า รวมทั้งเกิดการซื้อซํ้าต่อไปในอนาคต

สำหรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานข้างต้นที่กล่าวมานั้นจะเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้สัดส่วนรายได้ของธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง (MPC) สูงขึ้นมาก หลังอาร์เอสแสดงข้อมูลให้เห็นว่าประสบความสำเร็จกับสินค้าสุขภาพและความงาม, สินค้าเครื่องประดับและความเชื่อ ในปีที่ผ่านมาและจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ ประกอบกับมีธุรกิจเครื่องใช้ในครัวเรือน มาต่อยอดอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งการย้ายหมวดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้ลงทุนในหุ้นพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและสมํ่าเสมอ 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3456 ระหว่างวันที่ 28 - 30 มีนาคม 2562