อึ้ง!! "ข้าวหอมพวง"แค่กินในประเทศก็ไม่เพียงพอแล้ว

24 มี.ค. 2562 | 08:27 น.

“ข้าวพื้นนิ่ม” เทรนด์มาแรงแห่งปี 62 บิ๊กส่งออกฯ วอนระดมทุกหน่วยงานเร่งผลิตป้อนตลาดความต้องการสูงทั้งภายในและส่งออก หวังอนาคตไทยมีปริมาณข้าวเพิ่ม เล็งชิงส่วนแบ่งตลาดแดนมังกรจากเวียดนาม เผยสถานการณ์”ข้าวหอมพวง” ขาดตลาด แค่ผลิตป้อนคนบริโภคในประเทศไม่เพียงพอ

อึ้ง!! "ข้าวหอมพวง"แค่กินในประเทศก็ไม่เพียงพอแล้ว

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันข้าวพื้นนิ่มเป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้บริโภค ในเมืองไทยไม่มีความนิ่มเลยจึงทำให้ “ข้าวหอมพวง” หรือ “ข้าวพวง” จึงสามารถแทรกในตลาดได้ เพราะฉะนั้นจึงขายได้ ทำให้มีราคา เพราะถ้าไม่มีความต้องการข้าวพวงจะมีราคาได้อย่างไร

อึ้ง!! "ข้าวหอมพวง"แค่กินในประเทศก็ไม่เพียงพอแล้ว

“ทำไมชาวนาถึงหันไปปลูกเพราะปลูกแล้วขายได้ราคาดี ข้าวเปลือกขายแพงกว่าข้าวชนิด 5% จำนวน 1,000-1,500 บาท ยังไม่ถึงส่งออกเลย  เพราะแค่ในประเทศก็ไม่เพียงพอแล้ว แสดงว่ามีความต้องการแต่เมื่อเราไม่มีพันธุ์อื่น พันธุ์นี้จึงเข้ามาก็ปลูกและได้รับความนิยมในเวลารวดเร็ว”

อึ้ง!! "ข้าวหอมพวง"แค่กินในประเทศก็ไม่เพียงพอแล้ว

นายเจริญ กล่าวว่า คนไทยชอบบริโภคข้าวนิ่ม สมัยก่อนมี “ข้าวเจ๊กเชย” (เป็นข้าวเสาไห้พันธุ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมเมื่อครั้งอดีต เป็นข้าวเจ้าที่มีอมิโลสสูงและถือได้ว่าดีที่สุดในข้าวพันธุ์เสาไห้ มีบันทึกเกี่ยวกับข้าวพันธุ์นี้ไว้ว่าเป็นข้าวที่พ่อค้าชาวจีน ซึ่งทำการค้าข้าวขึ้นล่องเรือระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสัก มีชื่อว่า "เจ๊กใช้" เป็นผู้รวบรวมข้าวส่งโรงสีแถบ จ.สระบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร ได้นำพันธุ์ข้าวลักษณะดีจาก จ.นครสวรรค์ มาให้เกษตรกรปลูกที่ อ.เสาไห้ ภายหลังจากทำการสีออกมาพบว่า เป็นข้าวคุณภาพดี เมล็ดยาวน้ำหนักดี หุงขึ้นหม้อ และนุ่ม เมื่อเย็นแล้วไม่บูดง่าย ทำให้กลายเป็นที่นิยมของชาวเสาไห้ จนมีการเรียกชื่อพันธุ์ข้าว ตามชื่อพ่อค้าที่นำมา แต่ได้เพี้ยนมาเป็น "เจ๊กเชย" ในเวลาต่อมา)

อึ้ง!! "ข้าวหอมพวง"แค่กินในประเทศก็ไม่เพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ยังมี “ข้าวเหลืองประทิว” และ “ข้าวตาแห้ง” แต่ต่อมาในช่วงหลังชาวนาและราชการเริ่มมาส่งเสริมให้ปลูกข้าวพันธุ์แข็ง ข้าวพวกนี้ก็หายหมด คนไทยชอบรับประทานข้าวนิ่ม ไม่ได้ชอบรับประทานข้าวแข็ง เพราะฉะนั้นในเมืองไทยยังไม่มี ดังนั้น พอข้าวชนิดนี้เข้ามาก็กลายเป็นข้าวที่เข้ามาแทนแทนตลาดได้จึงทำให้ข้าวชนิดนี้ยังคงมีความต้องการสูง ดังนั้นจึงเห็นว่าข้าวดังกล่าวนี้ไม่ถึงมือผู้ส่งออกเลย ขายในประเทศหมดแล้ว แล้วจะเอาอะไรไปส่งออก เพราะไม่มี เพราะฉะนั้นวันนี้จึงอยากให้หันมาร่วมมือกันผลิตข้าวนิ่มให้มากขึ้นพอสำหรับส่งออก หากส่งออกได้จะได้ไปแข่งขันกับประเทศเวียดนามที่กำลังมีปัญหากับประเทศจีน คาดว่าจะเป็นโอกาสของไทย