เฟ้นลงทุน 3  กลุ่มหุ้น รีเทิร์นปลอดภัยสูง

23 มี.ค. 2562 | 04:51 น.

 

เบรกฯแนะ 3 กลุ่มหุ้นรับเลือกตั้งรีเทิร์นงาม ปลอดภัย “พาณิชย์-รับเหมา-ท่องเที่ยว บล.บัวหลวงแนะลงในหุ้นที่มีผลประกอบการมั่นคง-ปันผลสมํ่าเสมอ  รับมือสถานการณ์ตลาดหลังเลือกตั้งซบเซา บล.กสิกรไทยฯ มอง 5 หุ้นเด่น CPALL, BJC, HMPRO, STEC และ AOT ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีแนะจัดพอร์ตลงหุ้น 30%  ตราสารหนี้ 50%

ในไม่กี่อึดใจก็จะทราบผลว่าพรรคใดมีคะแนนนำ แต่ก็ยังต้องรอลุ้นการจัดตั้งรัฐบาลจะจับขั้วกันอย่างไร ในสถานการณ์นี้ โบรกแนะลงทุนหุ้น 3 กลุ่มหลักที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ การลงทุนภาครัฐ และการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยสูงให้ผลตอบแทนดีไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะมาบริหารก็ตาม 

เฟ้นลงทุน  3  กลุ่มหุ้น รีเทิร์นปลอดภัยสูง

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าบริษัทได้หั่นคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่  1735 จุด จากต้นปีที่ 1817 จุด เนื่องจากกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 4/2561 ออกมาตํ่ากว่าคาด และการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนยังไม่มีความคืบหน้า ดังนั้นการลงทุนหลังเลือกตั้งเราจึงแนะอย่าง CONSERVATIVE  ในหุ้นที่มีผลประกอบการรายได้เสถียรหรือผลตอบแทนเงินปันผลแน่นอน  เลือก 3 กลุ่มคือ หุ้นกลุ่มพาณิชย์ แนะ CPALL, BJC, กลุ่มท่องเที่ยว  หุ้น AOT, CENTEL และ  MINT  และหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เลือก GULF 

“หลังการเลือกตั้ง  ตลาดหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์แรกอาจยังซบเซาต่อ  เพราะหากนักลงทุนยังไม่มั่นใจก็จะ wait & see ฟันด์โฟลว์เข้าภูมิภาคอาเซียนตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าไทย เพราะต้องการมั่นใจในเสถียรภาพการเมืองเสียก่อน ดังนั้นการลงทุนในช่วงนี้จึงต้องคอนเซอร์เวทีฟ เลือกหุ้นที่ผลประกอบการรายได้ดี หรือมีผลตอบแทนที่แน่นอน”

นํ้าหนักเป็นการลงทุนในหุ้น (ในประเทศและต่างประเทศ) 43%, ตราสารหนี้สัดส่วน 32%, ทองคำ 12%, ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ (REIT) อีก 8% ที่เหลือเป็นการลงในกองทุนตราสารหนี้อีก 5%

นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทยฯ  กล่าวว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้เชื่อจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น (เหมือนกับการเลือกตั้งครั้งก่อน) เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 8 ปีนับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุด และมีโอกาสสูงที่จะมีคนออกมาใช้สิทธิมากขึ้น

ฝ่ายวิเคราะห์ฯ แนะลงในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งและปลอดภัยไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล โดยเลือก 3 กลุ่มคือหุ้นกลุ่มพาณิชย์ หุ้น CPALL, BJC และ HMPRO, กลุ่มรับเหมาโยธา เลือก STEC จาก ยอดแบ็กล็อกในเดือนมกราคม 2562 ที่อยู่ระดับสูงที่ 113,000 ล้านบาท และแนวโน้มกำไรสุทธิสดใส คาดรัฐจะเปิดประมูลโครงการพื้นฐานของภาครัฐมากขึ้นโดยเฉพาะหลังการเลือกตั้งทั่วไป และ 3. กลุ่มสนามบิน เลือก AOT จากจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ที่คาดจะโต 6.3% (YoY) และแรงขับเคลื่อนจากการประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ  

บล.กสิกรไทยฯ ยังคงเป้าหมาย SET Index ปีนี้ที่ 1750 จุด ปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจและอุปสงค์ภาคเอกชนในประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง  โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดตํ่าขึ้นมาแล้วตั้งแต่ไปแตะระดับ 1570 จุด 

ด้านนายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)ฯ กล่าวว่า หลังเลือกตั้งยังมองว่าตลาดหุ้นจะดีดตัว หากรัฐบาลมีเสถียรภาพ มีเสียงข้างมากไม่ว่าพรรคใดจะจับคู่กับใครก็แล้วแต่ ตลาดหุ้นน่าจะยอมรับได้ในเชิงบวก 

ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี คาดเป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้ที่ 1850 จุด แต่หากอิง EPS ล่วงหน้า 12 เดือน SET Index จะอยู่ที่ 2000 จุด ทั้งนี้ต้องลุ้นฟอร์มทีมการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งยังมีเวลาถึงเดือนพฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ดีจากมติที่ประชุมเฟดส่งสัญญาณว่าอาจจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้  จะส่งผลดีต่อการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ฯ อาจทบทวนปรับสัดส่วนแนะลงในหุ้นเพิ่ม (อ่านตารางหุ้นแนะนำ...) 

จากปัจจุบันยังให้นํ้าหนักการลงทุนในตลาดหุ้น 30% จากความเสี่ยงหลายประการที่จะเป็นตัวฉุดอัพไซด์ของตลาดหุ้นทั่วโลก ลงทุนในตราสารหนี้ที่ 50% จากทิศทางการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่างๆ เริ่มเข้าสู่สมดุล ทำให้ความเสี่ยงที่จะดาวน์ไซด์ของราคาตราสารหนี้จำกัด  และอีก 5% เป็นการลงทุนในส่วนตราสารทางเลือกอื่นๆ อาทิ ทองคำ นํ้ามัน กองทุน อสังหาฯ กองทุน LTF RMF 

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับ  3,455 วันที่ 24-27 มีนาคม 2562

เฟ้นลงทุน  3  กลุ่มหุ้น รีเทิร์นปลอดภัยสูง