เผย 5.8 ล้านครัวเรือน ยังไม่มี "เงินออม"

22 มี.ค. 2562 | 06:00 น.

นายภุชพงค์ โนดไธสง ผู้อำนวยการ สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยผลการสำรวจครัวเรือนทั่วประเทศ ประมาณ 21.6 ล้านครัวเรือน ซึ่งเป็นครัวเรือนในเขตเทศบาล จำนวน 10.1 ล้านครัวเรือน หรือ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46.6 และเป็นครัวเรือนนอกเขตเทศบาล จำนวน 11.5 ล้านครัวเรือน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 53.4 โดยพบว่า หัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเป็นเพศชายร้อยละ 61.8 และเป็นเพศหญิงร้อยละ 38.2 สะท้อนลักษณะโครงสร้างครัวเรือนไทยที่ส่วนใหญ่ให้ผู้ชายเป็นหัวหน้าครัวเรือน จากครัวเรือนทั่วประเทศประมาณ 21.6 ล้านครัวเรือน พบว่า มีครัวเรือนที่มีการออมเงิน 15.7 ล้านครัวเรือน หรือ ร้อยละ 72.9 และอีก 5.8 ล้านครัวเรือน หรือ ร้อยละ 27.1 ไม่มีเงินออม

 

เผย 5.8 ล้านครัวเรือน ยังไม่มี "เงินออม"
 

เมื่อพิจารณาวิธีการจัดสรรเงินออมของครัวเรือนที่แตกต่างกัน โดยครัวเรือนจะนำเงินที่ได้ไปจับจ่ายใช้สอยก่อน เมื่อเหลือจากการใช้จ่ายแล้วจึงจะเก็บออม ร้อยละ 38.9 ในขณะที่ ครัวเรือนที่แบ่งส่วนของเงินออมไว้ก่อนที่จะนำเงินไปจับจ่ายใช้สอย คือ ร้อยละ 22.6 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ในกลุ่มที่มีการวางแผนเก็บออมอย่างจริงจังค่อนข้างน้อยกว่ากลุ่มอื่น ในขณะที่ หลายครัวเรือนยังคงมีความไม่แน่นอนในการจัดสรรเงินออมถึงร้อยละ 38.5 เป็นที่น่าสังเกตว่า ครัวเรือนยังมีความกังวลกับการที่จะเก็บออม ซึ่งอาจเกิดจากหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น หรือ อาชีพยังไม่มีความมั่นคงพอที่จะวางแผนการออม เมื่อเปรียบเทียบการออม พบว่า จำนวนครัวเรือนที่มีการออมในปี 2561 เพิ่มจากปี 2559 ถึงร้อยละ 6.2 (ปี 2559 ร้อยละ 66.7 และปี 2561 ร้อยละ 72.9 ตามลำดับ) สะท้อนให้เห็นว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมานั้น สัดส่วนของครัวเรือนมีการเก็บออมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ครัวเรือนส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์หลักของการออมเพื่อใช้จ่ายในยามชรา หรือ เกษียณอายุ ร้อยละ 42.1 เพื่อใช้จ่ายยามเจ็บป่วย/ฉุกเฉิน ร้อยละ 32.0 เพื่อใช้จ่ายเมื่อเว้นว่างจากฤดูกาลเก็บเกี่ยว/ทำการเกษตร/ทำธุรกิจ ร้อยละ 9.7 เพื่อใช้ในการศึกษา ร้อยละ 7.9 จัดหาเครื่องอำนวยความสะดวกและยานพาหนะ ร้อยละ 4.2 เพื่อมีบ้านเป็นของตัวเอง ร้อยละ 3.7 และอื่น ๆ อีกร้อยละ 0.4 เช่น ค้ำประกันเงินกู้ มรดก ท่องเที่ยว เป็นต้น

 

เผย 5.8 ล้านครัวเรือน ยังไม่มี "เงินออม"