เฟดคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นตามคาด พร้อมหั่นคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯปีนี้เหลือ 2.1%

21 มี.ค. 2562 | 05:19 น.

20 มีนาคม 2562 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50%  โดยครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 2 ของเฟดในปี 2562 การคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้ หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 4 ครั้งในปีที่ผ่านมา (2561)

  เจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด

เฟดยังส่งสัญญาณด้วยว่าจะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ต่างจากเดิมที่ระบุไว้ในการประชุมเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ว่ามีแผนจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2562 “ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ยกเว้นสถานการณ์จะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก” แถลงการณ์ของเฟดระบุ และส่งสัญญาณว่าในปีหน้า (2563)  จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ระบุไว้ในการประชุมเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว “เฟดจะใช้ความอดทนก่อนที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป”

 

ในส่วนของการปรับลดงบดุล เฟดระบุว่า จะชะลอการปรับลดงบดุลในเดือนพฤษภาคมจากระดับ 30,000 ล้านดอลลาร์/เดือน เหลือเพียง 15,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนจะยุติการปรับลดงบดุลในเดือนกันยายน

 

เฟดยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้ ซึ่งวัดจากมูลค่าผลิตภัณฑ์รวมรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวในอัตรา 2.3% ก็ปรับลดลงเหลือเพียง 2.1% และลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของจีดีพีในปีหน้า (2563) สู่ระดับ 1.9% จากเดิมที่คาดไว้ 2% ส่วนตัวเลขคาดการณ์ในปีถัดไป(2564) เฟดคงไว้ที่ระดับคาดหมายเดิมคือ 1.8% และคงตัวเลขอัตราขยายตัวในระยะยาวไว้ที่ 1.9%

เฟดคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นตามคาด  พร้อมหั่นคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯปีนี้เหลือ 2.1%

หลังจากที่เฟดประกาศไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ก็ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลงทันที เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ที่ปรับลดลงจาก 2.594% มาปิดที่ 2.5254% ซึ่งนับว่าลงแรง และใกล้เคียงกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งอยู่ที่อัตรา 2.50%  นักวิเคราะห์ระบุว่า สภาวะดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นและน้ำมัน

 

ถ้อยแถลงของเฟดยังส่งสัญญาณเชิงบวกไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบหลังตลาดรับทราบมติของเฟดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 141.71 จุด หรือลด  0.55%   ปิดที่ 25,745.67 จุด   ดัชนี S&P500 ลดลง 8.34 จุด หรือลด 0.29%  ปิดที่ 2,824.23 จุด สวนทางกับดัชนี Nasdaq  เพิ่มขึ้น 5.02 จุด หรือเพิ่ม 0.07% ปิดที่ 7,728.97 จุด

เฟดคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นตามคาด  พร้อมหั่นคาดการณ์จีดีพีสหรัฐฯปีนี้เหลือ 2.1%