"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!

20 มี.ค. 2562 | 12:03 น.

"กรณ์ จาติกวณิช" ขุนคลังระดับโลก หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์

กรณี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดการทรัพย์สินของตนเองด้วยการนำทรัพย์สินทั้งหมดเข้า Blind Trust โดยอ้างว่า หวังสร้างมาตรฐานจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใหม่ และนับเป็นนักการเมืองคนไทยคนแรกที่สร้างปรากฏการณ์นี้ จนนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์จาก "กรณ์ จาติกวณิช" ขุนพลสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่า ธนาธรไม่ใช่คนแรกที่ทำลักษณะนี้ นักการเมืองคนอื่น ๆ เขาก็เคยทำกันมาแล้ว และยิ่งมองไม่เห็น ยิ่งตรวจสอบไม่ได้ ถ้าให้ปลอดผลประโยชน์ทับซ้อนจริง ต้องขายขาดออกไป จนมีการตอบโต้ "กรณ์ จาติกวณิช" จาก "ลูกของพ่อฟ้า" ทำนองว่า กรณ์เป็นใคร ไม่รู้จัก


"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ใครไม่รู้จัก ... เราจะพาไปทำความรู้จักประวัติของ "กรณ์ จาติกวณิช"

ย้อนอดีตดูประวัติ "กรณ์ จาติกวณิช" ถือเป็นผู้แทนน้ำดี ดีกรีไม่ธรรมดา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ในสาขาปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ ด้วยเกียรตินิยม กิจกรรมในระหว่างเรียน กรณ์ใช้เวลาว่างในการเล่นกีฬาต่าง ๆ เกือบทุกชนิด และที่โปรดปรานเป็นพิเศษ คือ กีฬาพายเรือ เพราะเป็นกีฬาเอกของมหาวิทยาลัย ซึ่งคุณกรณ์บอกว่าเป็นกีฬาที่ฝึกความอดทน ความสามัคคี และความมีวินัย จนได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ จากกีฬาชนิดนี้

 

"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!

 

หลังจากจบการศึกษา กรณ์ ได้มีโอกาสร่วมทำงานกับบริษัทจัดการกองทุนแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษเป็นเวลา 3 ปี จนกระทั่งได้รับตำแหน่งผู้จัดการกองทุน จนอายุได้ 23 ปี ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อก่อตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เจ.เอฟ. ธนาคม จำกัด ในปี 2531 โดยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัทและนำพาบริษัทฯ ขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจหลักทรัพย์ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุด 1 ใน 3 ของบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทย ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 มาได้

จนกระทั่งปี 2542 ได้ขายหุ้นบริษัทฯ ให้กับ บริษัท เจพีมอร์แกนเชส และได้รับการร้องขอให้ดำรงตำแหน่งประธาน บริษัทหลักทรัพย์ เจพีมอร์แกน (ประจำประเทศไทย) จำกัด โดยดูแลธุรกิจทางด้านธนาคารและการบริหารความเสี่ยง รวมถึงธุรกิจหลักทรัพย์ที่ยังดำเนินอยู่ด้วย จากนั้นไม่นานได้มีการขายธุรกิจหลักทรัพย์ (กลุ่มลูกค้ารายย่อย) ให้กับกลุ่มธนาคารกรุงเทพ แต่บริษัทหลักทรัพย์ เจพีมอร์แกน ยังคงดำเนินธุรกิจทางด้านวาณิชธนกิจและธุรกิจหลักทรัพย์ (เฉพาะลูกค้าสถาบัน) ถึงตรงนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้แน่ ๆ ในความรู้ความสามารถทางด้านการเงิน การลงทุน ของนักการเมืองคนนี้

 

"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!      "กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!

 

หลังจากประสบความสำเร็จ ทั้งการเรียนและการทำธุรกิจในปี 2547 กรณ์ตัดสินใจลาออกจากธุรกิจทิ้งเงินเดือน 6 ล้านบาท เพื่อมาทำการเมืองและลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง เมื่อเดือน ก.พ. 2548 จากนั้นได้รับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และรองประธานกรรมาธิการการเงินการคลังของสภาผู้แทนราษฎร นอกเหนือจากงานที่ได้รับมอบหมายจากพรรคและจากสภาฯ กรณ์ได้เข้ามาดูแลพัฒนาพื้นที่ในเขตยานนาวาและสาทร ซึ่งหลังจากได้รับเลือกกลับเข้ามาเป็น ส.ส. สมัยที่ 2 ในปี 2550 ก็มีพื้นที่ ๆ ต้องดูแลเพิ่มเติมอีก 3 เขต คือ บางคอแหลม คลองเตย และวัฒนา

"ผมมีความประทับใจทุกครั้งที่ได้ลงพื้นที่และได้ใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ ทำให้ผมได้รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน เสียงสะท้อนที่ผมได้รับ ทำให้ผมมีกำลังใจ มีแรงเดินหน้าสู้ต่อเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน"

 

"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!

 

ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2551 พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล กรณ์ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังเกิดวิกฤติการเงินอย่างรุนแรงทั่วโลก ขณะที่ การเมืองในประเทศไทยก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่กรณ์ก็สามารถนำพาเศรษฐกิจของไทยเดินหน้าฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจการเงินโลก ที่กำลังเลวร้ายอย่างหนักให้กลับมาฟื้นตัวได้เร็วเป็นอันดับ 2 ของโลก จนนิตยสาร "เดอะ แบงค์เกอร์" ของอังกฤษ ที่อยู่ในเครือของ "ไฟแนนเชี่ยล ไทม์ส" ได้ยกย่องให้เขา เป็น "รัฐมนตรีคลังโลก" รวมไปถึงรัฐมนตรีคลังของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ประจำปี 2010 ถือเป็นรัฐมนตรีคนแรกของไทยและคนเดียวที่ได้รับรางวัลดังกล่าว
 

สำหรับประเด็นดราม่าร้อนแรง หากอ่านระหว่างบรรทัดอย่างละเอียด 'กรณ์' ซึ่งเป็นกูรูทางการเงินของประเทศ ได้ออกมาเตือนนักการเมืองรุ่นน้องเอาไว้อย่างน่าสนใจในประเด็นเรื่องความโปร่งใสจากการเปิดเผยทรัพย์สินตัวเอง หากกองเชียร์เปิดใจฟังจะมองเห็นว่า มีสาระล้วน ๆ แนะนำกันเน้น ๆ แต่เมื่อลากโยงเข้าดราม่าการเมืองกัน จะหาว่าเตือนไม่ฟัง ไม่มีใครช่วยได้อีกล่ะก็ตัวใครตัวมัน

กลับมาที่เรื่องการเมืองในส่วนของการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เช่นเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ชูนโยบายเป็น 3 ภารกิจหลัก คือ "แก้จน สร้างคน สร้างชาติ"

แก้จนด้วยการเพิ่มรายได้ ลดหนี้สิน ลดค่าใช้จ่าย สร้างคน โดยการมองไประยะยาวเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์ขีดความสามารถในการแข่งขันคนไทย ศักยภาพคนไทย ตอบโจทย์สังคมสูงอายุ การลดความเหลื่อมล้ำที่แท้จริง คือ การเพิ่มความรู้ ความเหลื่อมล้ำที่เป็นปัญหาต่ออนาคตมากที่สุด คือ การเข้าถึงการศึกษา

 

"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!

 

สร้างชาติ คือ วิสัยทัศน์การสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ความเข้มแข็งและมั่นคงให้กับสังคม ได้แก่ แก้ปัญหายาเสพติด ปฏิรูปการบริหารประเทศ ซึ่งเป็นที่มาของการกระจายอำนาจ ทุกเรื่องที่กล่าวมา คือ หลักคิดจากการกระจายอำนาจ เช่น เลือกผู้ว่าทุกจังหวัด หรือ ย้อนไปสร้างคนเรื่องการศึกษา ก็จะแก้ด้วยการกระจายอำนาจทางการศึกษา ชุมชนเป็นเจ้าของโรงเรียน

การทำงานนโยบายครั้งนี้ของประชาธิปัตย์แตกต่างไปจากอดีต แต่ครั้งนี้พรรคฯ มีเวลาในการกลั่นกรองและคิดค้นนโยบาย รวมถึงมาลงมือทดลองปฏิบัติจริงในหลาย ๆ นโยบาย ตั้งแต่โครงการชลประทานน้ำหยด ที่ไปดูงานมาจากอิสราเอลและทดลองจริงในหลายจังหวัดอีสาน โครงการ English For All ที่พิษณุโลกและโครงการเกษตรเข้มแข็ง ข้าวอิ่ม ที่มหาสารคาม

 

"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!

 

จุดแข็งนโยบายประชาธิปัตย์ครั้งนี้ เรามีความชัดเจนมากกว่าทุกพรรค อาจจะมีวาทกรรมประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญ แต่ในเนื้อหาสาระของการบริหาร การทำนโยบายที่จับต้องได้ ไม่ค่อยเห็นพรรคอื่น ๆ ที่สามารถชี้แจงออกมาได้ ส่วนของเราชัดเจนตั้งแต่ ธ.ค. 2561

และแม้งานจะหนัก ภาระจะมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผู้ชายที่ชื่อ "กรณ์ จาติกวณิช" ก็เป็นนักการเมืองที่สามารถจัดสรรเวลามาดูแลและให้ความรักกับครอบครัวอยู่เสมอ หลายคนอาจมองว่า นักการเมืองส่วนใหญ่ทำงานจนไม่มีเวลาได้ใช้ชีวิตกับครอบครัว แต่ส่วนของกรณ์แล้ว มองว่า


"พื้นฐานที่ดีของครอบครัวจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในการนำพาให้สังคมดีขึ้นด้วย" กรณ์ จาติกวณิช ระบุ

 

"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!

 

| รายงาน โดย ทีมข่าวการเมืองฐานเศรษฐกิจออนไลน์

"กรณ์ จาติกวณิช" เป็นใคร ... ใครไม่รู้จัก อ่านทางนี้!!