กฎหมาย e-Payment ประกาศใช้แล้ว ฝาก-โอน เงิน 3 พัน ครั้งต้องแจ้งสรรพากร

20 มี.ค. 2562 | 11:36 น.

ราชกิจจาประกาศ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร e-Payment  ให้สถาบันการเงินรายงานยอดธุกรรม ฝาก โอนเงิน ตั้งแต่ 3,000 ครั้งต่อปี หรือโอนเงินตั้งแต่ 400 ครั้ง ยอดรวมแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป รายงานกรมสรรพากร เริ่มครั้งแรก 31 มี.ค. 2563 
 กฎหมาย e-Payment ประกาศใช้แล้ว   ฝาก-โอน เงิน 3 พัน ครั้งต้องแจ้งสรรพากร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ 20 มีนาคม เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 

สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือ การแก้ไขกฎหมายให้รองรับการทำธุรกรรมและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ การให้ผู้จ่ายเงินได้สามารถเลือกวิธีการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายผ่านตัวกลาง (เช่น ธนาคาร) โดยผู้จ่ายเงินได้ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี และนำส่งภาษีให้แก่กรมสรรพากรในภายหลัง

ขณะเดียวกันยังกำหนดใหเสถาบันการเงิน ประกอบด้วย 1.สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน 2.สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น 3.ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน รายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะในปีที่ผ่านมา ภายในเดือนมีนาคมของทุกปี

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะ ที่ต้องรายงานต่อกรมสรรพากร ได้แก่ 1.ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป 2.ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้งและมียอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินรวมกันตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป โดยให้ผู้มีหน้าที่รายงานข้อมูล ส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะต่อกรมสรรพากรครั้งแรกภายในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2563 หากผู้มีหน้าที่รายงานผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง อธิบดีกรมสรรพากรสามารถสั่งลงโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 1 แสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 1หมื่นบาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง

เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติได้กำหนดให้นาระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับการดำเนินการของภาครัฐเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ซึ่งรวมถึงการรับชำระเงินภาษี ประกอบกับลักษณะในการทำธุรกรรมของภาคเอกชนในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ส่งผลให้การตรวจสอบและติดตามข้อมูลเพื่อการจัดเก็บภาษีอากรตามประมวลรัษฎากรในปัจจุบันไม่อาจดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการนำส่งเงินภาษี การยื่นรายการหรือเอกสารเกี่ยวกับภาษีอากร และเพื่อให้กรมสรรพากรได้รับข้อมูลอันจะเป็นประโยชน์ต่อการจัดเก็บภาษีอากร สมควรปรับปรุงวิธีการนำส่งเงินภาษีบางประเภทและการยื่นรายการหรือเอกสารเกี่ยวกับภาษีอากรให้สามารถดำเนินการด้วยวิธีการอื่นเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรได้ 

นอกจากนี้ยังกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์มีหน้าที่รายงานข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะให้กรมสรรพากร เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากรและปรับปรุงอัตราโทษสำหรับกรณีเจ้าพนักงานเปิดเผยข้อมูลของผู้เสียภาษีอากรหรือของผู้อื่นที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจาเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

อ่านรายละเอียด : พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๘)