เลือกให้มีเสถียรภาพ

เลือกให้มีเสถียรภาพ
การเลือกตั้งใหญ่ของไทย 24 มีนาคม 2562 เป็นการเลือกตั้งในรอบ 8 ปี เป็นการเลือกตั้งหลังจากประเทศไทยอยู่ในวังวนสงครามความขัดแย้งสีเสื้อยาวนานกว่าทศวรรษ รอบนี้จึงถูกจับตามองจากหลายฝ่ายทั้งนักวิเคราะห์การเมืองไทย รวมทั้งนักวิเคราะห์การเมืองในต่างประเทศกระทั่งนักธุรกิจ นักลงทุนที่จับจ้องมองว่าหลังการเลือกตั้งโฉมหน้าการเมืองไทยจะแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร การเมืองจะมีเสถียรภาพขับเคลื่อนนโยบายไปข้างหน้าได้หรือไม่

สื่อยักษ์ใหญ่อย่างสำนักข่าวบลูมเบิร์กวิเคราะห์และเก็บความเห็นจากนักลงทุนต่างชาติ โดยบรรดานักวิเคราะห์มองว่าการเมืองไทยกำลังเดินไปสู่ความไร้เสถียรภาพหลังเลือกตั้ง โดยยิ่งใกล้วันเลือกตั้งยิ่งพบการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งขั้วการเมืองที่เกาะกุมการเมืองไทยมานาน กลับปะทุขึ้นมาอีก ซึ่งจะเป็นตัวเหนี่ยวรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจและจะส่งผลกระทบค่าเงินบาทที่แข็งแกร่งสุดในภูมิภาคเอเชียช่วงนี้ ความขัดแย้งจะนำไปสู่วงจรไร้เสถียรภาพคืนมาอีกครั้ง และสร้างปัจจัยเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจของไทยที่เผชิญภาวะชะลอตัวอยู่แล้ว

สื่อซีเอ็นบีซี มองว่ามีทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหลักทรัพย์ไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและยังเกิดขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ แม้จะมีเงินไหลกลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯบ้าง แต่นักลงทุนยังคงรอดูสถานการณ์หลังการเลือกตั้ง โฉมหน้าการเมืองไทยจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร โดยเห็นว่าการเมืองไทย 3 ขั้ว ที่กำลังแย่งชิงคะแนนเสียงอย่างดุเดือด ทั้งพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขั้วเครือข่ายนายทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มขั้วที่ออกกลางๆอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย

เลือกให้มีเสถียรภาพ

ด้านนักธุรกิจไทยก็มองการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยความกังวล โดยเฉพาะการแข่งขันนโยบายประชานิยมเกทับบลัฟแหลกทั้งค่าแรง ทั้งการอุดหนุนเกษตรกร และนโยบายแจกแหลกทั้งหลาย จะก่อให้เกิดปัญหาระยะยาวต่อเศรษฐกิจไทย หากไม่มีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้เอื้อต่อการพัฒนาประเทศ นำประเทศไปสู่เศรษฐกิจใหม่อย่างแท้จริงและเปลี่ยน แปลงให้กลไกเอื้อต่อการแข่งขันของไทยในเวทีโลก

จะเห็นว่าทั้งนักธุรกิจไทยและต่างชาติ ต่างจับจ้องมองการเมืองไทย การเลือกตั้งรอบนี้ด้วยความกังวลสนใจอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งจะนำไปสู่เสถียรภาพได้หรือไม่ หรือสร้างความขัดแย้งเกิดขึ้นรอบใหม่ อันเนื่องมาจากปัจจัยความไร้เสถียรภาพกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจในทุกๆด้าน จึงขึ้นอยู่กับประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิออกเสียงว่าจะเลือกอย่างไร เลือกให้ประเทศมีเสถียรภาพ จะได้ไม่ย้อนกลับมากระทบเศรษฐกิจอีกคำรบ