2เกาหลีกัดฟันลุย! เกีย-ฮุนไดป้องตลาดMPVเสริมทัพอีวี
เจาะแผนแบรนด์เกาหลี “ฮุนได” เสริมไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้า “โคน่า อิเล็คทริค” เคาะราคาในงานมอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคมนี้ ด้าน“เกีย” ไม่หวั่นคู่แข่งในตลาด ส่งรถตู้ -รถอเนกประสงค์ ท้าชน มั่นใจแกรนด์ คาร์นิวัลตอบโจทย์รถครอบครัว พร้อมผุดบริษัทใหม่ เปิดขาย ทรัค แอนด์ บัส
2ค่ายรถยนต์เกาหลีในไทยที่ทำตลาดผ่านดิสตริบิวเตอร์ ทั้ง ฮุนได และ เกีย หลังประสบความสำเร็จปักธงในกลุ่มรถอเนกประสงค์ เอ็มพีวี,รถตู้ แบบ 7 ที่นั่ง และ 11 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิของตลาดรถในกลุ่มนี้เริ่มเดือดขึ้นเมื่อค่ายญี่ปุ่น และค่ายอังกฤษ (แต่เจ้าของเป็นจีน) หันมาบุกตลาดนี้บ้าง ส่งผลให้ทั้ง 2 เจ้าจากเกาหลีต้องมีการปรับแผนและกลยุทธ์เข้าสู้
ฮุนได ที่มีพระเอกอย่าง เอช-วัน และแกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ในช่วง 12 ปีที่ทำตลาดในไทยมียอดขายสะสมแล้วกว่า 4 หมื่นคัน เฉลี่ยยอดขาย 2 ปีหลังสุดสามารถทำได้ 5,000 คันต่อปี ซึ่งแนวทางของรถรุ่นนี้ มีทั้งการปรับโฉมใหม่ และทำรุ่นพิเศษ
ด้านกิจกรรมการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้า มีทั้งงานโรดโชว์, อีเวนต์ใหญ่อย่างมอเตอร์โชว์, มอเตอร์เอ็กซ์โป และอื่นๆ ตลอดทั้งปี ส่วนแคมเปญจะเน้นการบริการหลังการขายอาทิ “ผ่อนสบายใจ 0% นาน 6 เดือน สำหรับค่าอะไหล่และค่าบริการ
“แม้ว่าสถานการณ์ของตลาดรถเอนกประสงค์ขนาดใหญ่จะไม่ค่อยดี แต่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ฮุนไดได้เปิดตัวโฉมใหม่ของ เอช-วัน และ แกรนด์ สตาร์เร็กซ์ ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และสะท้อนให้ลูกค้าได้เห็นภาพลักษณ์ของตัวสินค้าที่มีความทันสมัย มีระดับ“ นายโตชิฮิเดะ อาโนะ ประธานบริษัท ฮุนได มอเตอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว
นอกจากความแข็งแกร่งในเซ็กเมนต์รถตู้อเนก ประสงค์แล้ว ปีนี้ฮุนไดยังเตรียมสร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น โคนา อิเล็คทริค ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น เทคโนโลยี สมรรถนะสูง โดยจะเปิดตัว,ราคา และให้จองได้ในงานมอเตอร์โชว์ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 มีนาคม -7 เมษายน 2562 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี เบื้องต้นคาดว่าราคาจำหน่ายจะสูงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าในรุ่นไอออนิก (ราคา 1.749 ล้านบาท) เนื่องจากแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่กว่า
สำหรับฮุนได ในปีที่ผ่านมามีการนำรถยนต์ไฟฟ้าในรุ่นไอออนิกมาจำหน่าย โดยได้โควตาในการนำเข้า 20 คัน และทั้ง 20 คันได้ถูกจำหน่ายไปหมดแล้ว
ส่วนอีกหนึ่งแบรนด์เกาหลี “เกีย” ที่มียอดขายหลักมาจากรถอเนกประสงค์ “เกีย แกรนด์ คาร์นิวัล” ปีนี้ยังไม่มีโฉมใหม่เข้ามา ปัจจุบันแข่งขาย 3 รุ่นย่อย ราคา 1.622-2.292 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมายอดขายในรุ่นนี้ทำได้ 1,480 คน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ขายได้ 889 คัน ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเฉพาะเกีย คาร์นิวัล จำนวน 1,700 คัน
“ปีที่ผ่านมายอดขายของเราเติบโต ด้วยจำนวน 1,570 คัน หลักๆมาจากแกรนด์ คาร์นิวัล ซึ่งถือว่าเกินเป้าที่ได้วางไว้ และที่เหลือเป็นรุ่น เค 2500 ขณะที่เป้าหมายในปีนี้คาดว่าจะขายได้ 1,800 คัน ส่วนรถรุ่นใหม่ๆนั้นยังไม่มีแผน แต่ที่เรากำลังดูอยู่มี 2 รุ่น คือ นีโร ครอสโอเวอร์ ปลั๊ก-อินไฮบริด และ เกีย เอสพี รถในกลุ่มอเนกประสงค์ ซึ่งในรุ่นหลังมีโอกาสที่จะนำเข้ามาทำตลาดเพราะบริษัทแม่พร้อมสนับสนุนด้านราคา” นางสาวฬสนันท์ ภูนิธิพันธุ์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ฯ กล่าวและว่า
ยอดขายของเกีย แกรนด์ คาร์นิวัล ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นผลมาจากกลยุทธ์การตลาดแบบเข้มข้น พร้อมแคมเปญออกมาต่อเนื่อง อาทิ ลูกค้าที่ทดลองขับและจองรถเกีย แกรนด์ คาร์นิวัล รับทันที เกีย แคร์ พลัส วอร์รันตี 5 ปี หรือ 1.5 แสนกิโลเมตร,บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี ,ประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ,ฟรีชุดแต่งบันไดข้างจากเกาหลี และฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 1.5 แสนกิโลเมตร
ด้านแผนงานเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ที่แต่เดิมได้นำเกีย โซล อีวี เข้ามาทำตลาด แต่ด้วยราคาค่าตัว 2.297 ล้านบาทนั้นถือว่าสูงมาก ทำให้ยอดขายไม่เดินหน้า
“อุปสรรคปัญหาของผู้นำเข้าคือกำแพงภาษีในบ้านเราที่เมื่อบวกรวมทุกอย่างแล้วทำให้ราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง ในส่วนของบริษัทแม่ที่เกาหลีในช่วงที่ผ่านมามีการสนับสนุนช่วยเหลือด้านราคาอย่างเต็มที่ ส่วนเราเองอยากนำเข้ามา และดีลเลอร์ก็อยากขาย แต่ต้องยอมรับว่าด้วยราคาทำให้การขายนั้นค่อนข้างยาก” นางสาวฬสนันท์ กล่าว
ส่วนโชว์รูมและศูนย์บริการปีนี้ ตั้งป้าหมายเพิ่ม 3-5 แห่ง ซึ่งเร็วๆนี้จะเซ็นสัญญากับดีลเลอร์ในจังหวัดภูเก็ต และอีก 2 แห่งที่กำลังพิจารณาคือพื้นที่ หาดใหญ่, เชียงใหม่ รวมไปถึงในเขตกรุงเทพฯ ปัจจุบันเกียมีโชว์รูมและศูนย์บริการจำนวน 19 แห่งทั่วประเทศ
อีกหนึ่งแผนธุรกิจของกลุ่มบริษัทยนตรกิจฯ คือ บริษัท ฮุนไดทรัค แอนด์ บัสฯ ที่เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมทั้งนำรถมาโชว์เป็นครั้งแรกในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2019 โดยรถที่นำมาโชว์คือ มินิบัส และรถหัวลาก 2 รุ่น ซึ่งรถทุกรุ่นจะประกอบจากโรงงานในประเทศไทย
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3453 ระหว่างวันที่ 17 - 20 มีนาคม 2562
