"รังสิตโพล" ชี้! "บิ๊กตู่" โอกาสสูงนั่งนายกฯ "พท.-ปชป." ส่อวืดปาร์ตี้ลิสต์

15 มี.ค. 2562 | 07:16 น.

ม.รังสิตโพล เผย "พล.อ.ประยุทธ์" คะแนนนิยมนำอันดับ 1 มีโอกาสสูงนั่งนายกฯ ส่วน "อภิสิทธิ์-สุดารัตน์" ชิงอันดับ 2 "เพื่อไทย" กวาด ส.ส.เขต มากสุด 128 ที่นั่ง แต่ "พท. - ปชป." จะไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แม้แต่คนเดียว ขณะ "อนาคตใหม่" ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ มากสุด 25 ที่นั่ง

รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลังรังสิต เปิดเผยผลสำรวจและวิเคราะห์ผลสำรวจรังสิตโพล ทั้งหมด 6 ครั้ง ตั้งแต่ 1 พ.ค. - 5 มี.ค. 2562 ตามหลักวิชาการ ตามโครงสร้างประชากรของสำนักงานสถิติแห่งชาติ สำรวจ 8,000 ตัวอย่าง ซึ่งความเชื่อมั่น 83% โอกาสคลาดเคลื่อน 7% ทำโพล 350 เขตทั่วประเทศ "รังสิตโพล" แตกต่างจากโพลอื่น คือ จำแนกความความนิยมของแต่ละพรรคด้วย โพลเดียวที่คะแนนรวมแต่ละพรรค หรือ ป็อบปูลาโหวตจำนวนกี่คน

คะแนนนิยมอยู่ในระดับสูงที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 29.34% ตามด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 14.63%, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 17.67% พิจารณา 6 ครั้ง พล.อ.ประะยุทธ์ นำตลอด มีเสถียรภาพ ตามมาด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ แต่นายอภิสิทธิ์กลับมานำในช่วง 2 เดือนหลัง ก่อน 5 มี.ค. ที่น่าสนใจอีก คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่กลับมานำนายธนาธร แต่ในทางสถิติเท่ากัน

สำหรับผลสำรวจคะแนนความนิยมของพรรคการเมืองที่จะกวาด ส.ส.เขต พรรคเพื่อไทย (พท.) จะเป็นอันดับ 1 กว่า 5.8 ล้านเสียง ได้ ส.ส.เขต 128 ที่นั่ง 
ตามด้วยพลังประชารัฐ 7.8 ล้านเสียง 100 ที่นั่ง, ประชาธิปัตย์ 6.6 ล้านเสียง 86 ที่นั่ง, ภูมิใจไทย 3.3 ล้านเสียง 38 ที่นั่ง, อนาคตใหม่ 2.9 ล้านเสียง 30 ที่นั่ง, เสรีรวมไทย 2.5 ล้านเสียง 25 ที่นั่ง
 

"รังสิตโพล" ชี้! "บิ๊กตู่" โอกาสสูงนั่งนายกฯ "พท.-ปชป." ส่อวืดปาร์ตี้ลิสต์
 

ผลการเลือกตั้งตั้งแต่การสำรวจหลังวันที่ 5-24 มี.ค. ยังมีความไม่แน่นอนทางการเมืองสูงมาก ยังบอกไม่ได้ว่าใครแพ้ชนะ บอกได้เพียงใครนำ

คนที่มีความนิยมเป็นอันดับ 1 ใน 320 เขต ที่มีคะแนนนำชนะกันไม่เกิน 3,300 คะแนน มีโอกาสพลิกแพ้ชนะกัน ส่วนที่นำทิ้งห่างเกิน 15,000 คะแนน ชนะแน่ ๆ ไม่เกิน 20 เขต จาก 350 เขต

จากการสำรวจคะแนนนรวมแต่ละพรรค พลังประชารัฐมีโอกาสที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล และมีโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ แม้ได้ ส.ส.เขต มาก แต่มีโอกาสที่จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แม้แต่คนเดียว

รศ.ดร.สังศิต ชี้ว่า เหตุผลที่พลังประชารัฐจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจาก 10 วันสุดท้าย มีโอกาสที่พลังประชารัฐจะมีความได้เปรียบกว่าทุกพรรครัฐบาลที่จะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้ง แกนนำรัฐบาล คือ พลังประชารัฐ เป็นรัฐบาลผสม 280-300 เสียง ส่วนเพื่อไทยและพันธมิตรจะได้เป็นฝ่ายค้าน 180-190 เสียง พรรคขนาดกลางจะได้ประโยชน์

พรรคอนาคตใหม่จะได้ ส.ส.รายชื่อ มากที่สุด 25 ที่นั่ง ในการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้วางกรอบไว้

"เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ รัฐบาลจะมีเสถียรภาพพอประมาณ ส่วนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น นักลงทุนมีความเชื่อมั่น สามารถเดินหน้าต่อไปได้"
 

อย่างไรก็ตาม คะแนนมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อีก ตั้งแต่วันที่ 5-23 มี.ค. เพราะหลังจากท่าทีของนายอภิสิทธ์ไม่เอาเพื่อไทย ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ แต่เอาพลังประชารัฐ ทำให้ในภาคอีสานคะแนนดีขึ้น แต่ในพื้นที่ภาคใต้ กทม. คะแนนลดลง หันไปเลือกพลังประชารัฐและพรรคของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เช่นเดียวกับนายธนาธรที่จะรื้อคดี นายทักษิณ ชินวัตร ทำให้คนนิยมเสื้อสีจะหันมาหนุนนายธนาธรเพิ่มมากขึ้น ส่วนคนที่หนุนคนชั้นกลางก็อาจจะกำลังพบการเผชิญหน้าครั้งใหม่ จะหันไปเลือกพลังประชารัฐแทน

"การปรับท่าที การปรับบุคลิกนิ่มนวลของ นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คะแนนบวกดีขึ้น ประเมินว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีคนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเกิน 80% อยู่ที่ 75-80% จากกว่า 51 ล้านคน อยู่ที่ประมาณ 38-41 ล้านคน" รศ.ดร.สังศิต ระบุ

"รังสิตโพล" ชี้! "บิ๊กตู่" โอกาสสูงนั่งนายกฯ "พท.-ปชป." ส่อวืดปาร์ตี้ลิสต์