ปชป. ยัน "ชุดนโยบายแก้จน" เกิดผล ต้องเป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น

13 มี.ค. 2562 | 10:07 น.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคฯ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคฯ แถลงข่าวชี้แจงถึงเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

นายจุติ กล่าวย้ำถึงประเด็นความทุกข์ร้อนของประชาชน ว่า หลังจากแถลงความชัดเจนไปแล้ว ขอให้เลือกพรรคที่พร้อมที่สุดที่จะเข้ามาแก้ปัญหาของประชาชน ปากท้อง หนี้ครัวเรือน รายได้ครัวเรือน ภาษีเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ และทำงานมาโดยตลอด 200 กว่าสัปดาห์ 5 ปี ก่อนจะถึงวันนี้ โดยทำบนความถูกต้อง ไม่ทำให้ประเทศเสียหาย พร้อมเตือนประชาชนอย่าเลือกตั้งด้วยอารมณ์ แต่ให้เลือกด้วยประเด็นนโยบาย

ด้าน นายกรณ์ ระบุว่า ปชป. ลงพื้นที่ทํางานด้านนโยบายมาตลอด 5 ปีที่มีรัฐบาลจากรัฐประหาร ทั้งการลงพื้นที่ทําจริง เก็บข้อมูล ศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ จากนักวิชาการและปราชญ์ชาวบ้าน จนขมวดรวมเป็นชุดนโยบาย "แก้จน-สร้างคน-สร้างชาติ" สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและประเทศชาติได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยแยกรายละเอียดในแต่ละชุดอย่างเป็นระบบ
 

พร้อมกล่าวย้ำถึงจุดยืนว่า ชุดนโยบายนี้จะถูกนําไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อคนไทยและประเทศชาติมากที่สุด คือ การที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเป็นแกนนํารัฐบาลเท่านั้น จากการพิจารณาจากอุดมการณ์ของพรรคเพื่อไทย และหลักคิดทางนโยบายต่าง ๆ รวมไปถึงประวัติในการบริหารประเทศแล้ว พบว่า ไม่สามารถร่วมรัฐบาลกันได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ได้เป็นประชาธิปไตยสุจริต และชัดเจนว่า ไม่ได้ยึดประชาชนเป็นใหญ่ ตัวอย่างเช่น มีการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ และอีกหลายนโยบายที่สวนทางกับนโยบายของ ปชป.

ส่วนในประเด็นแนวนโยบายของพรรคพลังประชารัฐนั้น มีหลายข้อที่มองว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ตอบโจทย์ความต้องการประชาชนและพัฒนาเศรษฐกิจได้ดีกว่า

ทั้งยังระบุกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า พรรคพลังประชารัฐตลอดมาได้เน้นนโยบายที่ส่งเสริมทุนใหญ่ ล่าสุด ความพยายามที่จะเร่งรัดการประมูลดิวตี้ฟรีในวิธีการที่จะคงไว้ซึ่งสิทธิผูกขาดของผู้ประกอบการ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า รัฐบาลละเลยการรักษาประโยชน์สูงสุดของประชาชนและบ้านเมือง

พรรคประชาธิปัตย์ มองว่า ประชาชนทั่วไปในระดับฐานรากและชนชั้นกลางถูกละเลยมานาน นโยบาย ปชป. จึงเน้นคนวัยทํางานและผู้มีรายได้น้อย เราไม่ขายแต่ GDP เราชูดัชนี "ปิติ" (PITI) ซึ่งเป็นการวัดการพัฒนาที่เป็นตัววัดความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง เราเน้นการปฏิรูปโครงสร้างภาษี เก็บภาษีเศรษฐี ดูแลคนรายได้ปานกลาง และให้สวัสดิการพื้นฐานแก่ผู้มีรายได้น้อย

ในขณะที่ พรรคพลังประชารัฐลดภาษีบุคคลธรรมดา 10% ทุกกลุ่ม แต่คนรวยได้ประโยชน์สูงสุด ปชป. ไม่ลดคนรวยชัดเจน 'เพื่อไทย' ลดนิติบุคคลเอื้อทุนใหญ่มาแล้วรอบหนึ่ง จาก 30 เป็น 20% และบอกจะลดอีก เราเห็นต่าง เราจะบี้เพิ่มกับนิติบุคคลที่เป็นธุรกิจผูกขาดในแง่นิติบุคคล ปชป. ชัดเจนว่า ลดให้เฉพาะเอสเอ็มอีเท่านั้น
 

นายกรณ์ กล่าวต่อว่า ในด้านของราคาสินค้าเกษตรนั้น ในช่วงการบริหารของรัฐบาลปัจจุบันตกตํ่า สะท้อนปัญหาปากท้องในเศรษฐกิจฐานราก และนโยบายเกษตรที่ประกาศออกมา คือ หลักการ "จํานํา" ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายที่เคยเกิดขึ้น ขณะที่ ปชป. ชูประกันรายได้เกษตร ไม่ต้องการบิดเบือนกลไกตลาด ปิดจุดรั่วไหล และมีนโยบายสร้างชาติด้านเกษตร ปฏิรูปเขียว ดันราคาตลาดให้สูงขึ้น โดยไม่เป็นภาระงบประมาณ

นอกจากนี้ ปชป. ออกสวัสดิการพื้นฐานดูแลทารก ปฐมวัย ด้วยหลักคิดจากนักวิจัยและนักเศรษฐศาสตร์โนเบล เกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน แต่พรรคพลังประชารัฐประกาศนโยบายมารดาประชารัฐ โดยจงใจบลัฟตัวเลข หลักคิดแบบนี้สุ่มเสี่ยง และไม่ควรเป็นแกนนํารัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งจนถึงวันนี้ยังไม่เห็นพรรคใด โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงตัวเลขเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้ในแต่ละนโยบาย ซึ่ง กกต. ก็มีการกำหนดไว้ว่า ต้องเปิดเผยแค่ไหนอย่างไรบ้าง ทั้งตัวเลขที่จะใช้ในแต่ละนโยบายและที่มาของแหล่งเงิน หากหาเสียงแล้วทำไม่ได้ หรือ ใช้งบประมาณจนเป็นปัญหาต่อประเทศ ก็อาจนำมาซึ่งต้นเหตุแห่งความขัดแย้งใหม่ได้อีก

ดังนั้น "ชุดนโยบายแก้จน-สร้างคน-สร้างชาติที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ต่อประเทศในครั้งนี้ จะถูกผลักดันอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เลย หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแกนนํารัฐบาล" ประธานกรรมการนโยบาย ปชป. กล่าวย้ำในตอนท้าย

ปชป. ยัน "ชุดนโยบายแก้จน" เกิดผล ต้องเป็นแกนนําจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น