“อีอีซี"ติดหล่ม“ทีดีอาร์ไอ”ชี้ยังขาดแรงงานอาชีวะอีกกว่า 5 หมื่น

13 มี.ค. 2562 | 09:32 น.

“ยงยุทธ” ผอ.วิจัยทีดีอาร์ไอ ย้ำ ไทยต้องเพิ่มผลิตภาพประเทศด้วยการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะสูง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ชี้ รอบ 10 ปีเพิ่มผลิตภาพได้กว่า 30% แต่ยังจ้างแรงงานน้อย  ชี้ ภายใต้การส่งเสริมตามกรอบ “อีอีซี” จำเป็นต้องใช้แรงงานอาชีวศึกษากว่า 1.74 แสนคน ยังไม่เพียงพอถึง 5.55 หมื่นคน

 

ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ)  เปิดเผยว่า จากข้อมูลในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไทยยังจ้างแรงงานทักษะต่ำถึงปานกลางเป็นแรงงานเข้มข้นถึง 84% ใช้แรงงานระดับช่างเทคนิค และแรงงานวิชาชีพเพียง 16% ขณะที่ในเอเชียประเทศที่พัฒนาแล้วใช้แรงงานระดับสูง สูงถึง 60-70%

การที่ประเทศไทยยังติดอยู่กับการผลิตที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ คือ ความล้มเหลว ในการกระจายความเจริญไปยังชนบท ที่มีคนอยู่ในภาคเกษตรมากกว่า 14 ล้านคน ต้องเผชิญชะตากรรมราคาสินค้าเกษตรตกต่ำผันผวน ผลผลิตไม่แน่นอนขึ้นกับ ดินฟ้าอากาศ ผลิตภาพของแรงงานในสาขาเกษตรจึงต่ำสุดและเกือบไม่เปลี่ยนแปลง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีเพียงภาคอุตสาหกรรมซึ่งมีคนทำงาน ไม่เกิน 6 ล้านคน มีผลิตภาพแรงงานสูงสุด รองลงมา คือ ภาคบริการ มีคนทำงานอยู่มากกว่า 17 ล้านคน

ดังนั้น ถ้าจะเร่งเพิ่มผลิตภาพแรงงานต้องเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรมเป็นลำดับแรกซึ่งสามารถเพิ่มผลิตภาพได้มากกว่า 30% ในรอบ 10 ปี และเมื่อดูการใช้กำลังคนในภาคอุตสาหกรรม ดร.ยงยุทธ ผู้อำนวยการวิจัยทีดีอาร์ไอ ให้ข้อสังเกตว่า มีการใช้แรงงานระดับ ปวช. และ ปวส. เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ถึง 2560 จาก 9.5% เป็น 11.9% ตามลำดับ แต่อุตสาหกรรมไทยก็ยังจ้างแรงงานสายอาชีพน้อยมาก และจากทิศทางการใช้กำลังคนในอดีต ทำให้เห็นการเพิ่มสัดส่วนการใช้กำลังคนอาชีวศึกษาในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นแต่ยังไม่เป็นไปตามกรอบความคาดหวังของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้อาชีวะสร้างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มการส่งเสริมอุตสาหกรรม 4.0 ภายใต้การส่งเสริมตามกรอบ EEC  จำเป็นต้องใช้แรงงานอาชีวศึกษาถึง 173,705 คน ยังผลิตกำลังคนไม่เพียงพอ (Excess demand) อีกถึง 55,462 คน หรือ 32%

ทั้งนี้ จากการศึกษา Vocational Education in Thailand : Its Evolution, Strengths Limitations, and Blueprint for future ของตน และดร.วรรณวิศา สืบนุสรณ์ พบว่า คุณภาพของผู้กำลังเรียนเกือบ 1 ล้านคนในวิทยาลัยของรัฐและเอกชน มีปัญหา เชิงคุณภาพ 4 ประการ คือ

1.คุณภาพของผู้สมัครเรียนคะแนนไม่สูงนัก 2.คุณภาพของผู้สอนยังไม่ดี ขาดประสบการณ์ 3.หลักสูตรการเรียนการสอนไม่ทันสมัย ส่วนใหญ่ไม่ใช่หลักสูตรฐานสมรรถนะ และ4.อุปกรณ์ล้าสมัยซึ่งเป็นปัญหาที่จะต้อง ได้รับการแก้ไขโดยด่วน

ทั้งนี้ จากประสบการณ์ที่มีโอกาสดูงานหลายวิทยาลัยโพลีเทคนิคในประเทศจีน คิดว่า อาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีการโดยเน้นไปที่การรับเด็กเรียนดีที่ยากจนหรือให้ทุนทุกคนที่สนใจมาเรียนในสาขาที่ต้องการจนถึงระดับ ปวส. หรืออาจรับผู้จบ ปวช. เข้ามาทำงานถ้าอายุครบ 18 ปีให้ทำงานพร้อมเรียนไปด้วย โดยต้องเป็นความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการกับวิทยาลัยเทคนิคในเขตพื้นที่ ซึ่งอาจจำเป็นต้องอุดหนุนค่าเล่าเรียนและที่พัก พร้อมการันตีมีงานทำ ได้เงินเดือนสูง เทียบเท่าปริญญาตรีสายทั่วไป     

สำหรับครูช่างที่กำลังทยอยเกษียณหลายพันคนในช่วง 5 ปีข้างหน้า ต้องรับครูใหม่มาแทน และยกระดับครูในช่วง 2 ปีนี้ ภายใต้ความช่วยเหลือจากวิทยาลัยโพลีเทคนิคของจีนหลายแห่งในโครงการ Belt and Roads initiatives ส่งครูไปเรียนเพิ่มเติมในทุกสาขาที่นำมาสนับสนุน การพัฒนา EEC หรือการยกระดับเป็นอุตสาหกรรม 4.0 

จุดเด่นของวิทยาลัยโพลีเทคนิคของจีน คือ มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพียงพอต่อการฝึกฝน ขณะเดียวกันทางคณะกรรมการอาชีวศึกษาของไทยจะต้องเร่งสร้างห้องทดลองกลาง มี model ให้ฝึกทักษะอย่างครบวงจร ถ้าไม่สร้างใหม่ก็เลือกบางวิทยาลัยเทคนิคเป็นเป้าหมายการปรับปรุงภาคละอย่างน้อย 1 แห่ง ถ้างบประมาณไม่มี ก็ควรพิจารณากู้เงินจากประเทศที่มาลงทุนในไทย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี หรือจีนเพื่อยกระดับครูช่างให้เพิ่มสมรรถนะสูงเพียงพอ ต่อการสอนปีละอย่างน้อย 300 คน  ขณะเดียวกันการรับครูรุ่นใหม่เพิ่มเติม อาจเลือกจากผู้จบเทคโนโลยีบัณฑิตที่เก่งจากสถาบันอาชีวศึกษาทั่วประเทศมาฝึกอบรมเพิ่มเติม ถ้าทำสำเร็จจะมีครูช่างมากเพียงพอแทนครูช่างที่เกษียณ

สำหรับหลักสูตรอย่างน้อยต้องปรับให้เป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะทุกระดับการศึกษา โดยใช้สมรรถนะที่ออกไปแล้ว โดยสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพและ/หรือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานเอาไปปรับหลักสูตร โดยเฉพาะสาขาที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน หลักสูตรต้องเปลี่ยนได้รวดเร็ว ทันสมัย ตัวอย่างที่ดีคือ การสร้างความร่วมมือวิทยาลัยเทคนิคไทยกับวิทยาลัยโพลีเทคนิคจีน ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่โดยสภาสถาบันการอาชีวศึกษากรุงเทพมหานคร ผ่าน MOU  โดยเลือกปรับหลักสูตรร่วมกันให้นักเรียน  ปวส. ของไทยไปศึกษาและฝึกงานในวิทยาลัยของจีนเป็นเวลา 1 ปี (2 เทอม) เพื่อเรียนรู้ ฝึกใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ในสาขา คอมพิวเตอร์ ICT แอนิเมชัน ภาพยนตร์ การซ่อมบำรุงรถไฟ และการขับรถไฟความเร็วสูง การซ่อมบำรุงอากาศยาน การสร้างและฝึกบังคับโดรน ซึ่งจีนมีห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยทุกสาขาอาชีพ ที่เป็นที่ต้องการของประเทศ เป็นต้น    

สำหรับผู้จบการศึกษาจากโครงการ ไทย-จีนจะการันตีงานให้ทำ เงินเดือน สูงกว่าในไทย ได้ co-certificate ของไทย และจีน เพื่อทำงานบริษัทไทยหรือบริษัทจีนในไทยได้ 

อย่างไรก็ตาม ดร.ยงยุทธ กล่าวว่า การยกตัวอย่างความร่วมมือของไทยกับจีนเช่นนี้  เพื่อต้องการให้ผู้เกี่ยวข้อง และกระทรวงศึกษาไทยได้ตระหนักว่า โลกให้ความสนใจกับผู้เรียนสายอาชีพ อย่างจริงจังและจริงใจแค่ไหน เพราะเขา เชื่อว่าอาชีวศึกษาสร้างชาติได้จริง

“อีอีซี"ติดหล่ม“ทีดีอาร์ไอ”ชี้ยังขาดแรงงานอาชีวะอีกกว่า 5 หมื่น