รัฐ-วิชาการเห็นตรงกัน เร่งสร้างการเดินทางไร้รอยต่อ หลากหลายรูปแบบ พร้อมดัน "สถานีกลางบางซื่อ" เป็นแกนเชื่อมโยงการเดินทางทั่วภูมิภาคด้วยระบบราง ทั้งรถไฟฟ้า-ทางคู่-ไฮสปีด
จากปัญหาจราจรแออัด ระบบขนส่งมวลชนรัฐรองรับไม่เพียงพอ ส่งผลให้เกิดระบบขนส่งใหม่ ๆ อาทิ จักรยานยนต์รับจ้าง รถตู้โดยสารสาธารณะ ฯลฯ แต่กลับไม่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริงของประชาชน ที่อยากมีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก ตรงเวลา ปลอดภัย และราคาสมเหตุสมผล จนกลายเป็นโจทย์สำคัญของภาครัฐ กำหนดภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
⇲ ชยธรรม์ พรหมศร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
นายชยธรรม์ พรหมศร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "เชื่อมราง เชื่อมรถ เชื่อมคน ลดเหลื่อมล้ำ เข้าถึงคมนาคมไร้รอยต่อ" ในงานสัมมนา "พลิกโฉมไทย เปิดประตูสู่เศรษฐกิจนวัตกรรม" ที่จัดโดย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า จากโจทย์สำคัญของภาครัฐ กำหนดภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการเดินทางของประชาชน มี 3 ส่วน ดังนี้ 1.หยุดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ผ่านรถไฟฟ้ากว่า 10 สาย, 2.การเดินทางระหว่างเมือง ผ่านรถไฟรางคู่ และ 3.เชื่อมต่อภูมิภาค ผ่านรถไฟความเร็วสูง ปัจจุบัน มีรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการรวมแล้ว 4 สาย 120 กิโลเมตร สายสีเขียว (หมอชิต-แบริ่ง คนใช้บริการ 7 แสนคน), สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ คนใช้บริการ 4 แสนคน), สายสีม่วง (บางซื่อ-เตาปูน) และแอร์พอร์ตเรลลิงค์ ปัจจุบัน มีคนใช้บริการมากกว่า 7.5 หมื่นคน ซึ่งอยู่ระหว่างแก้ปัญหา เพื่อให้ขบวนรถเพียงพอกับความต้องการ ขณะเดียวกัน ในอนาคตจะมีการทยอยเปิดเส้นทางรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
"จะทยอยเปิดเส้นทางใหม่ ประชาชนออกจากบ้านทุก ๆ 1 กิโลเมตร ต้องเจอสถานีรถไฟฟ้า รัฐกำลังเดินหน้าก่อสร้างอีก 173 กม. หลายเส้นทางเปิดให้บริการช่วงปีนี้และปีหน้า"
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีระบบขนส่งหลายเส้นทางเกิดขึ้น จำเป็นต้องมีศูนย์กลางการเชื่อมต่อ จึงก่อให้เกิด "โครงการสถานีกลางบางซื่อ" ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดปลายปี 2563 จะแล้วเสร็จ ซึ่งจะประกอบไปด้วย อาคาร 3 ชั้น รวม 24 ชานชาลา รองรับการวิ่งเข้ามาของรถไฟฟ้าในเมือง รถไฟเชื่อมระหว่างเมือง และรถไฟฟ้าความเร็วสูง
"โดยจะเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อทุกระบบขนส่ง ทั้งรถไฟฟ้า กระจายไปในเส้นทางต่าง ๆ ของเมือง และจุดตัดรถไฟฟ้าระหว่างเมือง รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูงด้วย ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับแผนพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ แต่ละสถานีใหญ่ ๆ รองรับการใช้ประโยชน์และไลฟ์สไตล์ของประชาชน ทั้งพื้นที่เชิงพาณิชย์ ที่สำคัญได้เพิ่มอาคารจอดแล้วจร 11 จุด เส้นทางสกายวอล์ก และไบค์เลน การจัดสรร ปรับเปลี่ยนเส้นทางรถเมล์ให้วิ่งเข้าสู่ศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง รวมถึงอำนวยความสะดวกให้เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ หวังลดเหลื่อมล้ำ และภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องไม่เห็นการขับรถมากองกันอยู่บนถนน โดยประชาชนจะใช้ระบบขนส่งเป็นหลัก ออกจากบ้านขับรถมาจอดในอาคารจอดรถ ก่อนแยกกันไปคนละเส้นทาง" นายชยธรรม์ กล่าว
● สนข. ย้ำ! เดินหน้าเพิ่มขนส่งทางราง เพิ่มอาคารจอดแล้วจร
⁍ จุฬาฯ ชู "Smart Mobility"
⇲ รศ.ดร.มาโนช โลหเตปานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สอดคล้องกับ รศ.ดร.มาโนช โลหเตปานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันการขนส่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สะท้อนว่า ควรปรับปรุงรถเมล์และระบบขนส่งมวลชนให้น่าใช้ นั่นคือ Smart Public Transportation for All : นวัตกรรมขนส่งมวลชนอัจฉริยะ ให้ "สะดวก รวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" โดยมองว่า การสร้างถนนเพิ่มไม่ถือเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ดูจากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นมิติที่ดี ที่ภาครัฐและภาควิชาการมองโจทย์คล้ายกัน สิ่งที่ต้องทำ คือ การสร้างการเดินทางที่ชาญฉลาด หรือ "Smart Mobility" เป็นการเดินทางไร้รอยต่อ เชื่อมต่อกันหลายรูปแบบ
ซึ่งปัจจุบัน ประเทศไทยมีรถไฟฟ้า 11 สาย รวม 452 กม. ในพื้นที่ กทม. ขณะระบบขนส่งมวลชนเป็นเส้นเลือดใหญ่ ทางออกต้องสร้างระบบป้อน (Feeder) ให้สอดคล้อง
อย่างไรก็ตาม ปัญหารถติดจะไม่สามารถแก้ไขได้ หากยังให้ความสำคัญกับรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งการแก้ปัญหาควรกำหนดเส้นทางเดินรถ จากความต้องการของประชาชน ว่า ต้องการเดินทางจากไหนไปไหน บวกกับแผนพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ คือ รถไฟฟ้า
ยกตัวอย่าง เกาหลีใต้ ที่แบ่งรถเมล์เป็นสีต่าง ๆ เช่น สีฟ้า วิ่งเข้าเมือง, สีเขียว คือ สายป้อน, สีแดง คือ ทางด่วน ส่วนสีเหลืองวิ่งเป็นวงกลม ผ่านพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ พร้อมทั้งจัดทำบัสเลน ทำให้รถเมล์สามารถรองรับความต้องการของประชาชนได้ครอบคลุมและสะดวกรวดเร็ว ส่วนการนำระบบจีพีเอสมาใช้ หากนำมาใช้ให้ถูกต้องจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่า อีกกี่นาทีรถเมล์จะมาถึง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการรอคอย ซึ่งขณะนี้ ในกรุงเทพฯ เริ่มมีใช้แล้วบางส่วน ขณะระบบบัตรโดยสารร่วม ระบบขนส่งทางเลือก อาทิ แกร็บ อูเบอร์ ฯลฯ ควรแก้ไขให้ถูกกฎหมาย
● นักวิชาการจุฬาฯ แนะ 5 โจทย์ พัฒนา 'นวัตกรรมขนส่ง'
……………….
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,451 วันที่ 10 - 13 มี.ค. 2562 หน้า 01+02
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
● SCN ส่งมอบ 'รถเมล์ NGV' ครบ 489 คัน เตรียมพร้อมลุยประมูลอีก 700 คัน!!
● รถไฟลงทุน 3 หมื่นล้าน เชื่อม 3 ท่าเรือ เสริมศักยภาพอีอีซี
บทความน่าสนใจ :
● รถไฟฟ้าสายสีแดงเชื่อม 5 ศูนย์การแพทย์ชั้นนำของไทย
● ยื้อไฮสปีดเทรน ระวังล้มเป็นโดมิโน