'ฟิทช์' ชี้! ควบรวม "TMB-TBANK" ช่วยให้ธุรกิจแกร่ง แต่ยังติดหลายเงื่อนไข

12 มี.ค. 2562 | 08:50 น.

รายงานข่าวจาก บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า การรวมกิจการระหว่าง ธนาคารธนชาต (TBANK) (AA-(tha)/แนวโน้มอันดับมีเสถียรภาพ) และธนาคารทหารไทย (TMB) (BBB-/bbb-/AA-(tha)/แนวโน้มอันดับมีเสถียรภาพ) อาจส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับเครดิต หากฟิทช์ประเมินว่า ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นหลังการรวมกิจการจะช่วยส่งเสริมให้ธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง ความเสี่ยงในเชิงลบต่ออันดับเครดิตน่าจะเกิดขึ้นจากความซับซ้อนและอุปสรรคในการรวมการดำเนินงานและการผสานวัฒนธรรมองค์กรของทั้ง 2 ธนาคาร เข้าด้วยกัน (Integration)
 

ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารขนาดกลางของประเทศไทย 2 แห่งดังกล่าว ได้ประกาศการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ในการรวมกิจการของทั้ง 2 ธนาคาร เข้าด้วยกัน (Merger) เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2562 อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นและการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องยังมีไม่มากนัก ฟิทช์คาดว่าจะพิจารณาผลกระทบต่ออันดับเครดิต (Rating Action) เมื่อกระบวนการรวมกิจการเกิดขึ้นจริง และเมื่อแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเครดิต (Credit Profile) ของทั้ง 2 ธนาคาร มีความชัดเจนมากขึ้น
 

'ฟิทช์' ชี้! ควบรวม "TMB-TBANK" ช่วยให้ธุรกิจแกร่ง แต่ยังติดหลายเงื่อนไข

ตามรายละเอียดของบันทึกข้อตกลงดังกล่าว TBANK จะเป็นผู้โอนสินทรัพย์และหนี้สินทั้งหมดให้กับ TMB ซึ่งจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 1.3–1.4 แสนล้านบาท โดยประมาณ 70% ของมูลค่ารายการดังกล่าว TMB จะชำระโดยการออกหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งจะจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของทั้ง TBANK และ TMB

อย่างไรก็ดี TBANK เป็นธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 และยังเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย TMB เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 และมีจุดเด่นในการให้บริการด้านธุรกรรมธนาคาร (Transactional Banking) ทั้งนี้ ธนาคารที่เกิดขึ้นหลังจากการรวมกิจการ (Combined Bank) จะมีส่วนแบ่งการตลาดรวมที่ประมาณ 10-11% ในด้านสินทรัพย์และด้านเงินฝาก ซึ่งจะขยับขึ้นมาใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (A-/bbb/AAA(tha)/ แนวโน้มอันดับมีเสถียรภาพ) นอกจากนี้ การรวมกิจการน่าจะส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อของธนาคารมีการกระจายตัวที่ดีขึ้น เนื่องจากธนาคารทั้ง 2 แห่ง มีจุดแข็งในกลุ่มตลาดที่แตกต่างกัน
 

'ฟิทช์' ชี้! ควบรวม "TMB-TBANK" ช่วยให้ธุรกิจแกร่ง แต่ยังติดหลายเงื่อนไข


อีกทั้งหนึ่งในปัจจัยที่มีส่วนในการสนับสนุนให้เกิดการเจรจารวมกิจการในครั้งนี้ คือ มาตรการจูงใจด้านภาษีของกระทรวงการคลังที่ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากประกาศ เรื่อง " "ฟิทช์ : มาตรการสนับสนุนให้ธนาคารไทยควบรวมกิจการ อาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสภาวะอุตสาหกรรมธนาคาร" (หรือ Fitch : Thai Bank Merger Incentives May Shift Sector Landscape) ลงวันที่ 20 เมษายน 2561 ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมีสัดส่วนการถือหุ้นใน TMB ที่ 26% และคาดว่าจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นไว้ในระดับที่มีนัยสำคัญในธนาคารที่เกิดขึ้นหลังจากการรวมกิจการ

หากการรวมกิจการดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริงก็ไม่น่าเสร็จสิ้นกระบวนการได้จนกว่าจะถึงช่วงปลายปี 2562 เนื่องจากรายละเอียดของการรวมกิจการยังคงต้องมีการเจรจาตกลงกันเพิ่มเติมในอีกหลายประเด็น ซึ่งรวมถึงโครงสร้างของผู้ถือหุ้นของธนาคารภายหลังการรวมกิจการ อีกทั้งยังคงมีเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา ทั้งในด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผลของการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะ (Due Diligence) และการได้รับมติอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง (Regulators) และจากผู้ถือหุ้น ดังนั้น แผนการรวมกิจการดังกล่าวจึงยังคงมีความไม่แน่นอนที่จะสำเร็จตามที่คาดไว้

  'ฟิทช์' ชี้! ควบรวม "TMB-TBANK" ช่วยให้ธุรกิจแกร่ง แต่ยังติดหลายเงื่อนไข