ปธ.สภาตลาดทุนไทยฟันธงหุ้นยังอยู่ในขาขึ้น

11 มี.ค. 2562 | 09:10 น.

ประธานสภาตลาดทุนไทยฟันธง หุ้นยังอยู่ในขาขึ้น ทั้งหุ้นไทย-ทั่วโลก เหตุธนาคารกลาง 4 แห่งทั่วโลก ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย แต่ยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น เผยหุ้นไทยยังขึ้นได้ 10% เหตุกำไรแท้จริง บจ.โต 7-8% 

ไพบูลย์ นลินทรางกูร

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย บรรยายพิเศษในหัวข้อ “เงินทุนเคลื่อนย้ายก่อนและหลังเลือกตั้ง”ในงานสัมนา  เจาะหุ้นไทย ฝ่าดงเลือกตั้ง ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจว่า ตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นทั่วโลกยังเป็นขาขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ส่งสัญญานหยุดดึงสภาพคล่องออกจากระบบ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดทุนที่มีเงินต่างชาติน้อยมาก  จากช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ขายออกสุทธิ 6 แสนล้านบาท ปีนี้เริ่มมีเข้ามา แต่ไหลออกเพราะมีการเลือกตั้ง โดยจะเห็นว่าก่อน 8 ก.พ.มีเงินไหลเข้า 1 หมื่นล้านบาท แต่หลัง 8 ก.พ. เงินไหลออกแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท ถือเป็นจุดเปลี่ยนและสะท้อนว่า ต่างชาติก็ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง ทำให้จากนี้จนกว่าจะเห็นผลการเลือกตั้ง เงินน่าจะไหลออกมากกว่าเข้า 

ช่วงที่ผ่านมากระแสเงินลงทุนไหลเข้ากองทุนหุ้นน้อยมาก  โดยจะเห็นว่า กองทุนหุ้น ไม่มีเม็ดเงินใหม่ เพราะส่วนใหญ่ไหลเข้าไปลงทุนกองทุนตราสารหนี้(บอนด์) เพราะคนไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจโลกที่ส่งสัญญานชะลอตัวลงมาก จากความกังวลเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ  แม้ภาพของปัจจัยลบของทั้ง 2 จะกลับข้างคือ เฟดหยุดการขึ้นดอกเบี้ย จากที่เคยคาดว่าจะขึ้น 3-4 ครั้งในปีนี้ และสงครามการค้าที่ดีขึ้นและเชื่อว่า สหรัฐจะไม่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนที่ 25%  แต่ทุกคนมองว่า มาช้าเกินไปหลังจากเศรษฐกิจส่งสัญยานชะลอตัวลงแล้ว  

 อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น จะไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย เพราะเป็นครั่งแรกที่เห็นการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายพร้อมๆกันของธนาคารกลางสำคัญของโลก นอกจากเฟดแล้วยังมีธนาคารกลางยุโรป(ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) และธนาคารกลางจีน(BOC) เมื่อประกอบนโยบายการคลังที่ผ่อนคลายอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้สำคัญแต่ยังไม่ถูกพูดถึง จึงยังไม่ถูกนับรวมเข้าไปที่ราคาหุ้น ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจโลกไม่แย่ เงินจะไหลเข้าหุ้น เพราะดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้การลงทุนในบอนด์ให้ผลตอบแทนต่ำ 

“ดังนั้นจึงต้องรอดูผลการเลือกตั้งว่า จะออกมาอย่างไร สงบเรียบร้อย สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่  นักลงทุนไม่ได้สนใจว่า ใครจะเป็นรัฐบาล เขาจะมองนโยบายเป็นหลักว่า ประเทศจะไปได้หรือไม่ เพราะรัฐบาลจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นเท่านั้น ขณะที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะอยู่ที่ภาคเอกชน จากการที่ภาคส่งออกมีสัดส่วนถึง 70% ของจีดีพี ถ้าเรามองว่ารัฐบาลจะอยู่ได้ปีครึ่ง เงินเข้ามาในตลาดหุ้นก็จะเป็นเงินเก็งกำไรระยะสั้น 1-2 ปี ไม่ใช่เงินลงทุนระยะยาว 10-20 ปี”
  
ส่วนการประเมินมูลค่าหุ้นว่า แพงไปหรือไม่ ถ้าดูหุ้นทั่วโลกที่ค่าพีอีที่ 15 เท่าก็จะดูเหมือนแพง แต่ค่าพีอีจองตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่อยู่ที่ 11-12 เท่า แต่นั่นอยู่ภายใต้ปัจจัยที่ทุกคนเชื่อว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย  แต่ขณะนี้ดอกเบี้ยต่ำและแนวโน้มลดลง ระดับราคาหุ้นในขณะนี้จะทำให้หุ้นยังขึ้นไปได้อีก ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ออกมาติดลบ 4% นั้นเป็นปัจจัยชั่วคราวเรื่องน้ำมัน จึงไม่ใช้ปัจจัยที่จะฉุดให้หุ้นไทยฟื้นไม่ได้ และถ้ามองที่ผลประกอบการที่แท้จริงของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ยังโตได้ 7-8% ซึ่งจะให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้ 10%

ปธ.สภาตลาดทุนไทยฟันธงหุ้นยังอยู่ในขาขึ้น