ถ้าพลิกไปดูผลประกอบการปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) ประสบปัญหาการขาดทุนถึง 277 ล้านบาท
หากแต่ในปี 2562 เป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์ หรือ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง ถามว่า? จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ผู้ที่ให้คำตอบได้ดีที่สุด คือ นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ให้สัมภาษณ์กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ... ติดตามอ่านได้ในบรรทัดถัดจากนี้
⇲ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา
⁍ แผนปีนี้
ปีนี้จะเป็นปีแห่งเทิร์นอะราวด์ หรือ ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงแล้ว และจะเป็นปีทำสถิติกำไรสูงที่สุด เพราะ 3 ปีที่ผ่านมา ได้แก้ไขปัญหาภายในองค์กรเยอะมาก เช่น 'เจฟินเทค' ได้มีการตั้งสำรองหนี้สูญค่อนข้างเยอะ ประมาณ 300-400 ล้านบาท ตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่กำหนด
ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา วางกลยุทธ์แก้ไขปัญหามาโดยตลอด ดังนั้น ปีนี้จะเป็นปีแห่งเทิร์นอะราวด์ สร้างสถิติกำไรสูงสุด
⁍ คาดว่า ปีนี้กำไรสูงสุดเท่าไหร่
ยังบอกไม่ได้ แต่มั่นใจว่า ปีนี้จะสร้างกำไรสูงสุด เพราะปี 2560 บริษัทมีกำไร 490 ล้านบาท เชื่อว่า ในปีนี้จะสูงกว่า แต่จำนวนเท่าไหร่ไม่สามารถเปิดเผยได้
⁍ ธุรกิจในกลุ่มที่สร้างกำไร
บริษัทที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 1 คือ JMT เติบโต 50% จากการจัดเก็บหนี้ รวมไปถึงมีกองหนี้ที่จะตัดมูลค่าเงินลงทุน 100% และตั้งงบลงทุนมากถึง 4,500 ล้านบาท เพื่อซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ และยังมีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน จากสิ้นปี 2561 มีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ 145,000 ล้านบาท สิ้นปี 2560 พอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่กว่า 125,000 ล้านบาท
สัดส่วนรายได้อันดับ 2 คือ "เจมาร์ท โมบาย" ปีนี้บริษัทจัดทำแผนตลาดในรูปแบบผสมผสาน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมาร์จิน ที่สำคัญ 'เอไอเอส' ในฐานะพันธมิตร ก็สนับสนุนในการจัดจำหน่าย ซิม และโปรโมชัน เชื่อว่า ปีนี้จะจำหน่ายได้ถึง 200,000 ซิม ขณะที่ รายได้อันดับ 3 คือ เจฟินเทคและซิงเกอร์
| สัมภาษณ์พิเศษ โดย ไอที
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3451 ระหว่างวันที่ 10 - 13 มีนาคม 2562