ศาลญี่ปุ่นตัดสินจำคุก "2 ผู้บริหาร" เชือดไก่คดีสินบนโรงไฟฟ้าขนอม
สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา ว่า ศาลแขวงกรุงโตเกียวได้มีคำพิพากษาอดีตผู้บริหาร 2 รายของ บริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ ว่า มีความผิดจริงในคดีติดสินบนเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งในประเทศไทย เกี่ยวกับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนขนอม ใน จ.นครศรีธรรมราช ศาลจึงตัดสินลงโทษจำคุก นายฟุยุฮิโกะ นิชิคิดะ วัย 63 ปี เป็นเวลา 18 เดือน และจำคุก นายโยชิกิ ทสึจิ วัย 57 ปี เป็นเวลา 16 เดือน แต่ให้ทั้งคู่รอลงอาญา 3 ปี
คดีดังกล่าวนี้ นับเป็นกรณีการต่อรองคำรับสารภาพ (Plea Bargain) ครั้งแรกของญี่ปุ่น นับตั้งแต่เริ่มใช้กระบวนการยุติธรรมนี้ครั้งแรกเมื่อเดือน มิ.ย. 2561 โดยภายใต้การต่อรองคำรับสารภาพ ซึ่งลงนามโดยฝ่ายอัยการและ บริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ ว่า คำรับสารภาพที่จะนำมาใช้เป็นหลักฐานในการตัดสินคดีนี้ เป็นการให้ความร่วมมือของบริษัทในกระบวนการไต่สวนและพิจารณาคดี ดังนั้น จะไม่มีการแจ้งความเอาผิดกับบริษัท
คำพิพากษาระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งสองสมคบคิดกับ นายซาโตชิ อุชิดะ ผู้จัดการโครงการ วัย 64 ปี จ่ายเงิน 11 ล้านบาท หรือประมาณ 39 ล้านเยน ให้กับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในกระทรวงคมนาคมของไทย เมื่อเดือน ก.พ. 2558 เพื่อได้รับความสะดวกเป็นพิเศษในการนำสินค้าออกจากท่าเรือ หลังจากที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้รับแจ้งจากหน่วยงานของไทย ว่า บริษัทไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ จึงไม่สามารถนำของออกจากท่าเรือได้
ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยอมรับผิดตามข้อกล่าวหา และทนายของพวกเขาได้ขอความเมตตาต่อศาล โดยอ้างว่า ทั้งคู่ถูกบีบบังคับให้จำเป็นต้องทำตามข้อเรียกร้องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย และพวกเขาทั้งสองก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ส่วนตัวใด ๆ จากการติดสินบนเจ้าพนักงานไทยในครั้งนี้
นายทัตสึยะ โทสุเกะ ผู้พิพากษาคดีดังกล่าว ระบุว่า ผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการขนย้ายอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้า ตัดสินใจที่จะจ่ายเงินสินบนหลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกับนายอุชิดะ ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการในเวลานั้น "สินบนครั้งนี้ถือเป็นเงินจำนวนมาก และเป็นการกระทำผิดคดีอาญาที่กระทำเป็นขบวนการ เนื่องจากมีหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายขายของบริษัท" ผู้พิพากษาโทสุเกะ กล่าว ทั้งนี้ ทนายของผู้ต้องหาได้ค้านแย้ง ว่า การที่มีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก แต่มีเพียงผู้ต้องหา 3 คนนี้ ที่ถูกดำเนินคดี เป็นการไม่ยุติธรรม ในส่วนของนายอุชิดะ อดีตผู้จัดการโครงการนั้น ถูกแยกไปดำเนินคดีต่างหากอีกคดีหนึ่ง เนื่องจากนายอุชิดะยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะที่ นายนิชิคิดะและนายทสึจิยอมรับความผิดตามข้อกล่าวหาเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา
กรณีการทุจริตติดสินบนเจ้าพนักงานในครั้งนี้ เริ่มเป็นข่าวเมื่อมีผู้แจ้งเบาะแสแก่ทาง บริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ เมื่อเดือน มี.ค. 2558 ทำให้บริษัทมีการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงภายในองค์กรก่อน จากนั้นบริษัทก็ได้แจ้งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการกรุงโตเกียว และได้ขอทำข้อตกลงการต่อรองคำรับสารภาพ (Plea Bargain Agreement) กับฝ่ายอัยการ เมื่อเดือน มิ.ย. ปีที่แล้ว เพื่อไม่ให้มีการแจ้งความเอาผิดกับบริษัท
ทั้งนี้ เว็บไซต์ www.anticorruption.in.th ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้ระบุถึงความคืบหน้าในการไต่สวนคดีนี้ในส่วนของประเทศไทย ว่า เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา (2561) นายสมศักดิ์ ห่มม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการสอบสวนคดีทุจริตและละเลยปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการกรมเจ้าท่าในกรณีโรงไฟฟ้าขนอมนั้น ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลและหลักฐานอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันรู้ตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้ว แต่อยู่ระหว่างรอสำนวนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการระบุความผิด เพื่อทำการสอบสวนวินัยขั้นร้ายแรงไปพร้อมกัน ซึ่งหากพบว่า ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ กระทำผิดจริง จะดำเนินการลงโทษขั้นรุนแรงถึงไล่ออก พร้อมลงโทษกรณีอื่นด้วย
