ท่าอากาศยานเชียงใหม่เผยโฉมหน้าสนามบินเชียงใหม่ในอีก 3 ปีข้างหน้า แนวทางแก้ไขปัญหาความแออัดเร่งด่วน
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เร่งก่อสร้างโครงการต่างๆ ตามแผนเร่งด่วนเพื่อบรรเทาความแออัดและแผนพัฒนาระยะที่ 1 หลังจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าขยายขีดความสามารถจาก 8 ล้านคนต่อปีเป็น 16.5 ล้านคนต่อปี ในปี 2565
นาวาอากาศตรี มณธนิก รักงาม
นาวาอากาศตรี มณธนิก รักงาม ที่ปรึกษา 10 ทอท.และรักษาการ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทชม.ทอท.) เปิดเผยว่า ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ครบรอบ 31 ปี การดำเนินงานของท่าอากาศยานเชียงใหม่ เป็นท่าอากาศยาน 1 ใน 6 แห่ง ภายใต้การกำกับดูแลของ ทอท.ได้รับโอนกิจการ จากกรมการบินพาณิชย์มาอยู่ในความดูแล ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2531 และแปรสภาพเป็น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2545 โดยได้มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพ การให้บริการในทุกๆ ด้าน
ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสาร 8 ล้านคนต่อปี แต่จากแนวโน้ม การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 250 ส่งผลให้เกิดความแออัดและสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอในบางช่วงเวลา ซึ่งถึงแม้ว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ขยายพื้นที่การให้บริการ และบริหารจัดการเส้นทางเดินของผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกรวดเร็วมากที่สุด ภายใต้คุณภาพการให้บริการในระดับสากล และมาตรฐานความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มาโดยตลอดแล้วก็ตาม ก็ยังไม่ทัน ต่ออัตราการเติบโตของปริมาณผู้โดยสาร
โดยตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา ท่าอากาศยานเชียงใหม่ต้องให้บริการผู้โดยสาร ในปริมาณที่เกินขีดความสามารถ และต้องเผชิญกับปัญหาความคับคั่งของผู้โดยสาร ดังนั้น ทอท.จึงได้อนุมัติโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 (2563-2565) มีเป้าหมายรองรับผู้โดยสาร 16.5 ล้านคนในปี 2565 ในวงเงินงบประมาณ 15,000 ล้านบาท และโครงการพัฒนาพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ระยะที่ 2 (2565-2568) มีเป้าหมาย รองรับผู้โดยสาร 20 ล้านคน ในปี 2568 ในวงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามเพื่อแก้ปัญหาความคับคั่งของผู้โดยสาร คณะกรรมการ ทอท.ได้อนุมัติแผนเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความแออัด (ดำเนินการก่อสร้างปี 2561-2563) ประกอบด้วยโครงการสำคัญ ดังต่อไปนี้ 1.งานก่อสร้างอาคาร Private Jet Terminal พร้อมลานจอดอากาศยาน 2.งานก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์สัมปทาน 1,000 คัน 3.งานก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์รองรับรถยนต์ 400 คัน 4. งานก่อสร้างอาคารสถานีดับเพลิงและกู้ภัย 5.งานก่อสร้างอาคารบำรุงรักษา 6.งานก่อสร้างอาคารคลังสินค้า 7.งานก่อสร้างพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับอุปกรณ์ภาคพื้น (Ground Service Equipment :GSE) 8.งานปรับปรุงทางสัญจร และชานชาลาบริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร
ส่วนโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 (ดำเนินการก่อสร้างปี 2563-2565) ประกอบด้วยโครงการสำคัญ ดังนี้ 1.งานก่อสร้างทางขับขนานเส้นใหม่พร้อมทางขับออกด่วน เพื่อให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้ 29-31 เที่ยวบินต่อชั่วโมง 2.งานก่อสร้างและปรับปรุงลานจอดอากาศยานจาก 20 หลุมจอดเป็น 31 หลุมจอด โดยเป็นหลุมจอดประชิดอาคาร 12 หลุมจอด และหลุมจอดระยะไกล 19 หลุมจอด พร้อมติดตั้งสะพานเทียบเพิ่มเติม 6 ชุด พร้อมระบบ เติมน้ำมันอากาศยานทางท่อ 3.งานก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ พื้นที่ 70,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 5.3 ล้านคนต่อปี 4.งานก่อสร้างอาคารสำนักงาน ทชม.และสายการบิน พร้อมที่จอดรถยนต์ จำนวน 1,600 คัน 5.งานปรับปรุงอาคารผู้โดยสารเดิมเป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ พื้นที่ 48,000 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้ 11.2 ล้านคนต่อปี 6.งานก่อสร้างและปรับปรุงขยายขีดความสามารถของระบบบำบัดน้ำเสีย 7.งานก่อสร้างโรงผลิตน้ำประปา 8.งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย 9.งานก่อสร้าง และปรับปรุงระบบถนนภายในท่าอากาศยานเป็น 3 ช่องจราจร ก่อสร้างทางยกระดับ แยกผู้โดยสารขาเข้าและขาออก
ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ในปี 2561 ที่ผ่านมา ปริมาณการจราจรทางอากาศ (มกราคม-ธันวาคม 2561) มีอากาศยานพาณิชย์ ขึ้น-ลง 78,208 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 8.63 มีสายการบินที่บินประจำภายในประเทศ จำนวน 8 สายการบิน ทำการบิน ใน 13 เส้นทาง และสายการบินระหว่างประเทศ จำนวน 26 สายการบิน ทำการบินใน 27 เส้นทาง มีเที่ยวบินเฉลี่ย 252 เที่ยวบินต่อวัน
มีจำนวนผู้โดยสาร 10.99 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 7.42 เฉพาะผู้โดยสารที่เดินทาง ระหว่างประเทศมีประมาณ 2.68 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.35 ในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้โดยสารชาวจีนถึงกว่า 1.69 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ประมาณร้อยละ 19 การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารชาวจีนดังกล่าวนำมาซึ่ง ความเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศชาติ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่จำเป็นต้องขยายเวลาให้บริการในบางช่วงเวลาโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชุมชนที่อาศัยโดยรอบและในแนวขึ้นลงของอากาศยานบ้างท่าอากาศยานเชียงใหม่ ต้องขออภัยที่ได้สร้างผลกระทบดังกล่าวให้แก่ชุมชนรอบข้าง อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็น ต้องเพิ่มเที่ยวบินนอกเวลาทำการปกติ ท่าอากาศยานเชียงใหม่จะขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า มีปริมาณการขนถ่ายสินค้า 14,615 ลดลงจากปี 2560 ร้อยละ 15.53
สำหรับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility: CSR) ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของ ทอท.นั้น ในปี 2561 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ สนับสนุนด้านการศึกษาและสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล รวมถึงได้จัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับชุมชน ตลอดจนให้การสนับสนุนกิจกรรมของหน่วยงานต่างๆ สถานศึกษา ชุมชนท้องถิ่น และกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การสนับสนุนน้ำดื่ม การสนับสนุนงบประมาณและมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของจังหวัด รวมถึงการอนุญาต ให้ใช้พื้นที่ภายในท่าอากาศยานเชียงใหม่ สำหรับจัดกิจกรรมของท้องถิ่นและชุมชน เป็นต้น