“สุวัจน์”ลุยสวนจตุจักรชูนโยบายสมาร์ทซิตี้-สมาร์ทพีเพิล

"สุวัจน์"นำทีมผู้สมัครชพน. หาเสียงตลาดนัดจตุจักร ชูนโยบายสมาร์ทซิตี้-สมาร์ทพีเพิล พร้อมร่วมสำรวจเส้นทางอารยสถาปัตย์กับเครือข่ายผู้พิการ

          บ่ายวันนี้(3 มี.ค.)  ที่ตลาดนัดสวนจตุจักร นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา พร้อมด้วย นายอดุลย์ เลาหพล ผู้อำนวยการการเลือกตั้งกรุงเทพฯ พรรคชาติพัฒนา(ชพน.)  นำผู้สมัครส.ส.เขต 6 พญาไท-  จตุจักร นายณัฐปิยะ กุลจิรารวีนิภา พร้อมผู้สมัครเขตใกล้เคียง เขต 5 ห้วยขวาง ดินแดง เขต 7 ดุสิต บางซื่อ เขต 8 ลาดพร้าว วังทองหลาง เขต 9 หลักสี่ จตุจักร และสมาชิกพรรค ลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง วันที่ 24 มี.ค.

โดยระหว่างการลงพื้นที่ได้พบกับกลุ่มทูตอารยะสถาปัตย์และเครือข่ายผู้พิการ นำโดยนายกฤษณะ ละไล ประธานมูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล

จากนั้นนายสุวัจน์ และผู้สมัครส.ส. กทม. ได้ช่วยเข็นรถให้ผู้พิการ เพื่อร่วมกันตรวจสอบทางเท้าเพื่อวางนโยบายปรับปรุงให้เป็นอารยสถาปัตย์ ให้กลุ่มคนพิการใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น โดยพบว่าบริเวณทางเท้าหน้าตลาดนัดสวนจตุจักรหลายจุดมีความยากลำบากต่อการสัญจรของผู้พิการ มีสภาพเป็นหลุม เป็นเนินสูง จากนั้นทีมผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนาได้เดินทักทายพร้อมกับแนะนำนโยบายของพรรค ต่อพ่อค้าแม่ค้าและผู้มาจับจ่ายใช้สอยภายในตลาดนัดจตุจักร ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

นายสุวัจน์ กล่าวว่า ทางพรรคมีนโยบายผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองทันสมัย สมาร์ทซิตี้ และสมาร์ทพีเพิล โดยต้องผลักดันเป็นมาตรการทางกฎหมาย การเชิญชวน และจูงใจให้ออกแบบพื้นที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ทางเท้า และราวจับ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้พิการให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด โดยทางพรรคมองว่าอารยสถาปัตย์ควรกำหนดให้เป็นมาตรการสากลของประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างๆ ซึ่งควรเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ดูสภาพจริงและได้รับคำบอกกล่าวจากผู้พิการ ก็เห็นตรงกันว่าต้องเร่งปรับปรุง ทางสัญจรเพื่อรองรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ และนักท่องเที่ยวสูงอายุ โดยหลังการเลือกตั้งจะผลักกันให้เป็นรูปธรรม

นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า จากการลงพื้นที่หาเสียงในช่วงที่ผ่านมา พรรคได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ประชาชนตื่นตัวทางการเมืองสูง และให้ความสนใจกับนโยบายมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ถือเป็นอีกปฐมบทของการเมืองไทยที่ประชาชนต้องการการเมืองคุณภาพ ทุกพรรคจึงต้องกำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และหลังการเลือกตั้งทุกพรรคต้องทำให้นโยบายต่างๆ เกิดผลเป็นรูปธรรม

ส่วนการยื่นให้ตรวจสอบคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะทำให้การเลือกตั้งต้องสะดุดหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ตอนนี้การเลือกตั้งเป็นบรรยากาศที่ดีอยู่แล้ว ที่ทุกคนนับถอยหลังไปสู่วันที่ 24 มี.ค. ซึ่งทุกคนต้องสู้กันจะแพ้ชนะไม่เป็นไร แต่ประเทศไทยต้องชนะ ทุกพรรคจึงต้องสู้กันด้วยการนำเสนอนโยบาย

“ไม่ว่าใครแพ้ชนะไม่สำคัญ แต่ประเทศไทยชนะ เพราะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. ทั้งนี้การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ดีทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ รวมถึงประชาชนมีความหวังหลังการเลือกตั้ง” นายสุวัจน์ ระบุ