มองเศรษฐกิจยุโรปผ่านสายตากูรูการเงิน จากงาน Euro Financial Week

03 มี.ค. 2562 | 02:50 น.

ในการประชุม Euro Financial Week ครั้งที่ 21 ที่จัดขึ้นโดยองค์กร dfv Euro Finance Group เมื่อเร็วๆนี้ ที่นครแฟรงก์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากเยอรมนี ยุโรป และเอเชีย ได้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นกันอย่างคับคั่ง โดยมีหลายประเด็นที่ผู้ประกอบการไทยควรติดตาม เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของไทยโดยเฉพาะการนำเข้า-ส่งออกไปยังยุโรป ดังสะท้อนจากทัศนะของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้

มองเศรษฐกิจยุโรปผ่านสายตากูรูการเงิน  จากงาน Euro Financial Week

นาย อันเดรอาส จี.โชลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร dfv Euro Finance Group

ระบบการเงินโลกในขณะนี้มีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจของยุโรปยังมีความอ่อนไหวต่อความเสี่ยงที่เกิดจาก สิ่งท้าทายใหม่ ๆ ได้แก่ (1) BREXIT ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่เดือนข้างหน้า (2) แนวโน้มสหรัฐฯ ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง และ (3) ปัญหาการตั้งงบประมาณขาดดุลจำนวนมากของรัฐบาลอิตาลี ประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจประมาณ 17% ของเศรษฐกิจยุโรป ฉะนั้น ยุโรป จึงมีความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยเฉพาะนโยบายการเป็นตลาดเดียว (Single Market) และการจัดตั้งสหภาพการธนาคาร (Banking Union) นอกจากนี้ ยุโรปยังประสบปัญหา “Shadow Banking” หรือการดำเนินธุรกรรมการเงินและการธนาคารนอกระบบ ที่มีจำนวนมากขึ้นหลังเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในยุโรป ทำให้ยากต่อการควบคุมและตรวจสอบ ด้วยเหตุนี้ มาตรการที่จะใช้ในการควบคุมการดำเนินธุรกรรมการเงินผ่านนวัตกรรมด้าน Cyber Technology จึงยังเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม

 

มองเศรษฐกิจยุโรปผ่านสายตากูรูการเงิน  จากงาน Euro Financial Week

ดร.เยิร์ก คูคีส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของเยอรมนี

รัฐบาลเยอรมนีกำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมาธิการยุโรปและธนาคารกลางยุโรป (ECB) เพื่อเตรียมรับมือกับ ความเป็นไปได้ที่จะเกิด Hard Brexit ซึ่งจะส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะประเด็นกฎหมายด้านภาษีที่จะใช้กับภาคการธนาคาร และการสร้างกรอบความร่วมมือใหม่ ๆ สำหรับการปล่อยกู้ยืมในอังกฤษ อย่างไรก็ดี Brexit ได้สร้างโอกาสการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของยุโรปแห่งใหม่ให้กับฝรั่งเศสและเยอรมนี โดยรัฐบาลเยอรมนีได้ประกาศสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางการเงินแห่งใหม่ในสหภาพยุโรป(อียู) โดยเฉพาะนครแฟรงก์เฟิร์ต ซึ่งได้รับการจัดอันดับใน Global Financial Center Index 2018 ให้อยู่ในลำดับที่ 10 ของโลก ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของสถาบันต่างๆ ราว 30 แห่งมาอยู่ที่เยอรมนี ทั้งภาคการธนาคาร ประกันภัย และการจัดการสินทรัพย์ รัฐบาลเยอรมนียังได้หารือกับตลาดหลักทรัพย์เยอรมนี (Deutsche Börse) เพื่อผลักดัน Eurex Exchange บริษัทในเครือตลาดหลักทรัพย์ให้เป็น Clearing House แห่งใหม่ของอียูด้วย

 

มองเศรษฐกิจยุโรปผ่านสายตากูรูการเงิน  จากงาน Euro Financial Week

นายหลุยส์ เดอ กุยโดส รองประธานธนาคารกลางยุโรป

แม้อียูจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และอัตราการว่างงานก็ลดลงต่อเนื่องมาถึง 22 ไตรมาส แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงรูปแบบใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ได้แก่ (1) เศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐฯ ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงขาลงของวงจรเศรษฐกิจ (2) การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯต่อประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ประกอบกับความขัดแย้งทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และ (3) ปัญหาการก่อหนี้ใหม่ในระยะยาวทั้งในภาครัฐและเอกชน อาทิ ปัญหาการตั้งงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลอิตาลี เป็นต้น นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรปยังมีความจำเป็นต้องบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยความระมัดระวังเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อเตรียมรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤติการเงินในอนาคต รวมทั้งความเสี่ยงในภาคการลงทุนจากการขาดสภาพคล่อง ธนาคารกลางยุโรปอาจจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เช่น การกำหนดสภาพคล่องขั้นต่ำ และการกำหนดระยะเวลาในการแจ้งไถ่ถอนหุ้นกู้ นอกจากนี้ ธนาคารกลางยุโรปมีหน้าที่ต้องกำกับดูแลและออกกฎระเบียบเพื่อควบคุมการดำเนินธุรกรรมการเงินและการธนาคารนอกระบบ หรือ “Shadow Banking” ด้วย

 

มองเศรษฐกิจยุโรปผ่านสายตากูรูการเงิน  จากงาน Euro Financial Week

นายสเตฟาน เองเกิลส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ธนาคาร Commerzbank

ถึงแม้ภาคการเงินและการธนาคารในขณะนี้ จะมีสภาพคล่องมากกว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงซึ่งยากต่อการคาดการณ์ โดยเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจยุโรปยังประสบปัญหาจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศ และ Brexit รวมทั้งยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดฟองสบู่ในเศรษฐกิจมหภาค และการเพิ่มจำนวนของ Shadow Banking

 

มองเศรษฐกิจยุโรปผ่านสายตากูรูการเงิน  จากงาน Euro Financial Week

นาย เฟลิกซ์ ฮูเฟลด์ ประธาน Federal Financial Supervisory Authority (หน่วยงานดูแลและให้คำแนะนำสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป)

เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์การเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในอนาคต ดังนั้น การออกกฎระเบียบและการบังคับใช้จึงเป็นสิ่งที่สำคัญในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤติ เศรษฐกิจได้ และการดำเนินนโยบายภายใต้ macro-prudential framework ถือเป็นมาตรการที่สำคัญในการจัดการกับความเสี่ยงด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ยืมในภาคการธนาคารและปัญหาหนี้เสีย นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงความเสี่ยงจากนวัตกรรมไซเบอร์ด้วย

 

ในที่ประชุม Euro Financial Week มีความเห็นโดยสรุปว่า ยุโรปยังมีประเด็นที่ท้าทายต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ โดยแม้ว่าจะมีความพยายามเคลื่อนย้ายความสำคัญของศูนย์กลางทางการเงินของยุโรปจากอังกฤษมาไว้ที่เยอรมนี แต่ประเทศภายในอียูเองก็ยังมีอุปสรรคที่อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในภาพรวมในอนาคต เช่น ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหนี้เสีย และการขาดสภาพคล่องในสกุลเงินยูโร เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลกระทบที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในทางตรงและทางอ้อม ในฐานะที่อียูเป็นหนึ่งในตลาดนำเข้าสินค้าไทยที่สำคัญ

 

พบกับอัพเดทความเคลื่อนไหวและโอกาสในตลาดต่างประเทศที่สถานทูตไทยทั่วโลกตั้งใจติดตามมาให้ภาคเอกชนไทยได้ที่เว็บไซต์ www.globthailand.com หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่ [email protected]

หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3449 ระหว่างวันที่ 3 - 6 มีนาคม 2562

 

มองเศรษฐกิจยุโรปผ่านสายตากูรูการเงิน  จากงาน Euro Financial Week