หากคุณกำลังมองหาที่พักชิลๆ ในเดสติเนชันสุดป็อปปูลาร์ ของจังหวัดกระบี่ ซึ่งถูกจัดว่าเป็นศูนย์รวมแหล่งกิน เที่ยว ครบครัน นี่เลย โลเกชัน “อ่าวนาง” จุดปักหมุดที่ดูจะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนรุ่นใหม่
รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวได้เป็นอย่างดี เพราะใช้เวลาเดินทางจากสนามบินนานาชาติกระบี่ ราว 30 นาทีเท่านั้น ทั้งจากอ่าวนาง ข้ามเรือไปหน่อยเราก็สตาร์ตโปรแกรมทัวร์ดำนํ้า 4 เกาะ 5 เกาะ ไปปีนเขาที่อ่าวไร่เลย์ ชมทะเลแหวก หรือจะต่อไปเที่ยวในจุดอื่นๆ ก็ใช้เวลาเดินทางไปไม่นาน
บริเวณอ่าวนาง จึงรายล้อมไปด้วยโรงแรมหลากสไตล์ วันนี้เราจะพาคุณไปเช็กอิน “ดุสิตดีทูอ่าวนาง” โรงแรมใหม่เอี่ยมถอดด้าม ใจกลางตัวเมืองอ่าวนาง ที่รายล้อมไปด้วยเนินเขาเขียวชอุ่ม
ทั้งอยู่ใกล้กับชาดหาดใช้เวลาเดินราว 5 -10 นาที ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ราว 2 เดือนกว่านี้เอง
จากโรงแรมโลคัล แบรนด์ ในอดีต นาม “โวค รีสอร์ทแอนด์สปา” ที่ถูกยกมาตรฐานขึ้นมาเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวครึ่ง ภายใต้แบรนด์ดุสิตดีทู ของดุสิตธานี
คาแรกเตอร์ใหม่ของโรงแรม จึงมาในลุคโมเดิร์น มีความเป็นอินเตอร์ แต่ยังคงความเป็นไทย ภายใต้เซอร์วิสในแบบดุสิตธานี ขณะเดียวกันยังสะท้อนตัวตนของความเป็นโรงแรมที่ตั้งอยู่ในกระบี่ได้อย่างลงตัว คุณจะสัมผัสได้ถึงการตกแต่งและดีไซน์ของโรงแรม ที่ผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของกระบี่ สอดแทรกเข้ากันกับสถาปัตยกรรมในสไตล์ไทยร่วมสมัย
ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าโรงแรม ที่โดดเด่ นด้วยประติมากรรม สื่อถึง “ปะการัง” บรรยากาศใน “ล็อบบี้” ได้ฟีลโปร่งโล่งสบาย
บริเวณผนังบริเวณล็อบบี้มองไปจะแลคล้ายหินงอกหินย้อย ที่จำลองถึง “ถํ้าพระนาง”
ขณะที่ห้องพัก ทั้ง 173 ห้อง ถูกประดับประดา ด้วยภาพวิว ของ 2 แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อ บางห้องเป็นภาพ “เกาะห้อง” บางห้องเป็นภาพ “หาดนพรัตน์ธารา” ซึ่งคุณเลือกวิวได้เลยว่าจะรีเควสต์ห้องพักที่ชมวิวทะเล ภูเขา หรือสระว่ายนํ้า
คุณเลือกวิวได้เลยว่าจะรีเควสต์ห้องพักที่ชมวิวทะเล ภูเขา หรือสระว่ายนํ้า
อีกทั้งโรงแรมยังให้ความสำคัญของพื้นที่สีเขียว ให้อารมณ์ประมาณรู้สึกเหมือนอยู่ “ป่าหิมพานต์” ที่ใครมาพัก ต้องอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปกับภาพวาดรูปกินรี และสัตว์ป่าหิมพานต์ ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกก็จัดเต็ม เพราะมีทั้งฟิตเนส สปา ส่วนสระว่ายนํ้าก็กว้างขวาง แยกส่วนระหว่างสระเด็กและสระผู้ใหญ่ชัดเจน
จุดโดนใจเจ้าตัวเล็กมากที่สุด น่าจะคลุกกันอยู่ที่คิดคลับ ซึ่งมีทั้งคิดคลับในร่ม และกลางแจ้งให้เล่นกันได้สนุกสนาน
ขณะที่ห้องอาหารของโรงแรม จะมีห้องอาหารหลัก คือ “ระฆัง ไทย บิสโทร แอนด์ บาร์”
ห้องอาหารจะให้บริการแบบออลเดย์ไดนิ่ง แต่ประสบการณ์ในไดนิ่งในแต่ละมื้ออาหาร ก็ให้ฟีลลิ่งแตกต่างกัน มื้อเช้าจัดเต็มไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติหลากหลาย
ส่วนมื้อกลางวันก็จะเป็นอาหารทานง่ายๆ อย่าง พิซซ่า ผัดไทย แนะนำของหวานห้ามพลาดอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง
ส่วนดินเนอร์ จะดูอลังการกว่าทุกมื้อ เพราะถ้าคุณชอบอาหารที่เสิร์ฟ คู่กับไวน์ แพร์ริ่ง แนะนำให้เลือกเมนู Chef Recommendation ดูหน้าตาดีเชียว
สำหรับเมนูสเต็กเนื้อสันใน เมนูหมูสันนอกติดกระดูกย่างกับแอบเปิลซอส เมนูซี่โครงหมูย่างกับซอสบาร์บีคิว เมนูปลาแซลมอนสเต๊ก แต่ถ้าชอบเมนูอาหารไทย ห้องอาหารนี้ก็มีจุดเด่นในเรื่องของอาหารไทยกึ่งไฟน์ไดนิ่งรสชาติเข้มข้น
ดินเนอร์แล้วจะปิดท้ายคํ่าคืนด้วยการนั่งดริงก์ ดื่มดํ่าเสียงร้องอันไพเราะ จากการแสดงไลฟ์มิวสิกส่งคุณเข้านอนฝันดี กับวันพักผ่อนอันแสนจะเต็มอิ่ม ในรีสอร์ตแห่งนี้
ปักหมุดเช็คอินโดย : ธนวรรณ วินัยเสถียร
หน้า 24 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,447 วันที่ 24 - 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562