อานิสงส์นโยบายรัฐบาลชุดใหม่บราซิลเปิดเสรีทูน่ากระป๋องใน5ปี

11 ก.พ. 2562 | 06:11 น.
เมื่อเร็วๆ นี้ นายดาริโอ เคเมอรินสกี (Dario Chemerinski) นักเศรษฐศาสตร์ชาวอาร์เจนตินา ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจปลาทูน่าในบราซิลได้ให้สัมภาษณ์ถึงการคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมปลาทูน่าในประเทศบราซิลภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู (Jair Bolsonaro) ว่าในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลบราซิลได้ดำเนินนโยบายปกป้องตลาดสินค้าเกษตรและประมงอย่างเคร่งครัด สำหรับอุตสาหกรรมปลาทูน่า รัฐบาลได้กำหนดอัตราภาษีการนำเข้าปลาทูน่าจากประเทศต่างๆ ถึง 16% ยกเว้นเอกวาดอร์ที่ได้รับการยกเว้นอัตราภาษีนำเข้าอยู่ที่ 0% โดยบราซิลนำเข้าปลาทูน่าไม่ถึงหมื่นตันต่อปี และส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นผู้ส่งออก

[caption id="attachment_386330" align="aligncenter" width="379"] ฌาอีร์ โบลโซนารู ฌาอีร์ โบลโซนารู[/caption]

ปลาทูน่าอันดับ 2 ของโลก (Report of the Ecuadorian Tuna Sector, August 2017) ในขณะที่บราซิลผลิตปลาทูน่าเพียง 22,000 ตันต่อปี ทั้งนี้เนื่องจากการบริโภคภายในประเทศค่อนข้างตํ่า และยังมีปัจจัยของการผูกขาดตลาดสินค้าของผู้ประกอบการ 2 รายใหญ่ (บริษัท GOMES DA COSTA และ COQUEIRO) ซึ่งถือครองตลาดภายในประเทศมากกว่า 85% ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดปลาทูน่าในบราซิลยังมีขนาดเล็กและไม่หลากหลาย

อย่างไรก็ ตามภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีคนใหม่ ผู้ซึ่งมีแนวคิดขวาสุดโต่ง มีความเป็นไปได้ที่บราซิลจะถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ Mercosur (ประกอบด้วยอาร์เจนตินา ปารากวัย อุรุกวัย และบราซิล) และจะไปเข้าร่วมกลุ่ม Pacific Alliance (ประกอบด้วย ชิลี โคลอมเบีย เม็กซิโก และเปรู) รวมทั้งเน้นการดำเนินนโยบายการเจรจาเขตการค้าเสรีและกรอบความร่วมมือทางการค้าแบบทวิภาคี อันจะนำไปสู่การเปิดตลาดอุตสาหกรรมปลาทูน่าในบราซิลครั้งใหญ่ให้แก่ผู้ผลิต และผู้ประกอบการต่างชาติ

TP12-3442-1 ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า บราซิลอาจจะเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋อง ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 ตันต่อปี และอัตราภาษีการนำเข้าสินค้าที่ปรับลงเหลือ 0% จะทำให้มีการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งจะเป็นโอกาสดีสำหรับบริษัทรายใหญ่ในเอเชีย รวมถึงไทย ที่จะเข้ามาเปิดตลาดในบราซิลและภูมิภาคลาตินอเมริกา อนึ่ง นายเคเมอรินสกีได้วิเคราะห์ทิศทางการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลบราซิลชุดใหม่ อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมปลาทูน่าในบราซิลและภูมิภาคลาตินอเมริกา โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังภาพประกอบ

มีข้อสังเกตว่า นายเคเมอรินสกี เป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจที่พยายามส่งเสริมโอกาสทางการค้าของไทยในบราซิลและประเทศใกล้เคียง โดยปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่ง Senior Project Manager Latin America & Asia Brand และเป็นผู้ประสานงานให้กับบริษัท Cantu ในการนำเข้าเบียร์ไทยสู่ตลาดบราซิล รวมทั้งมีบทบาทในการประสานงานผลักดันโอกาสของการเข้าสู่ตลาดของสินค้าอาหารทะเลจากไทย เช่น ปลาทูน่าและกุ้ง

การคาดการณ์การปรับเปลี่ยนทิศทางด้านนโยบายระหว่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศของบราซิลโดยนายเคเมอรินสกี เป็นการสะท้อนความรู้สึกและการคาดหวังของภาคธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดบราซิล เห็นได้จากสัญญาณทางบวกในระยะสั้น เช่น การแข็งค่าของสกุลเงินเฮอัล ตลอดจนการดีดตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ Ibovespa Brasil Sao Paulo Stock Exchange Index และตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ของบราซิลที่ต่างปิดตัวในแดนบวก อันเป็นผลจาก sentiment เชิงบวกของนักลงทุน

พบกับอัพเดตความเคลื่อนไหวและโอกาสในตลาดต่างประเทศที่สถานทูตไทยทั่วโลกตั้งใจติดตามมาให้ภาคเอกชนไทยได้ที่เว็บไซต์ www.globthailand.com หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่ [email protected]

หน้า 12 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3,443 ระหว่างวันที่ 10 - 13 กุมภาพันธ์ 2562

ติดตามฐาน