บล.ทิสโก้ มองดัชนีหุ้นไทยแตะ 1700 จุด เดือน เม.ย. รับข่าวจัดตั้งรัฐบาล

07 ก.พ. 2562 | 08:03 น.
บล.ทิสโก้ เปิดข้อมูลหุ้นหลังตรุษจีน หุ้นมีโอกาสปรับขึ้น แนะช้อนซื้อต้นเดือน ก.พ. ในกลุ่มได้ประโยชน์เลือกตั้ง ท่องเที่ยวฟื้น งบดีปันผลเด่น พร้อมเตรียมขายทำกำไรในเดือน เม.ย. ที่คาดดัชนีหุ้นร้อนแรงแตะ 1,700 จุด

 

[caption id="attachment_385700" align="aligncenter" width="335"] วิวัฒน์ เตชะพูลผล วิวัฒน์ เตชะพูลผล[/caption]

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่า ดัชนีหุ้นไทยในเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่ง บล.ทิสโก้ คาดว่า ดัชนีจะยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในเดือน ก.พ. โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเลือกตั้ง รวมถึงการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวและเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในช่วงต้นเดือน ก.พ. ตลาดหุ้นไทยจะทรงตัวในระยะสั้น เนื่องจากหลายตลาดในภูมิภาคปิดทำการเนื่องในวันหยุดเทศกาลตรุษจีน แต่ประเมินว่า หุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นได้หลังจากนี้

เพราะหากพิจารณาจากสถิติในช่วง 8 ปีย้อนหลัง (ตรุษจีนปี 2554-2561) พบว่า หลังผ่านพ้นช่วงเทศกาลตรุษจีนไปแล้ว มีโอกาสถึง 60% ที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นและกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งจากข้อมูลพบการปรับขึ้นในระดับ 1% ในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์แรก นับตั้งแต่ตรุษจีน และปรับขึ้นที่ระดับ 2.4% ในช่วง 1 เดือน และปรับขึ้น 4.1% ในช่วง 2 เดือน ดังนั้น ในช่วงต้นเดือน ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนของตลาดหุ้นหลายแห่ง จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อสะสม โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์จากปัจจัยบวกข้างต้นและเป็นหุ้นที่คาดว่างบจะออกมาดี รวมถึงคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 3% ได้แก่ BBL, BTS, ERW, KTB, LPN, NYT, PLANB และ SCCC

ส่วนมุมมองตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีแรก นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ในเชิงเทคนิคประเมินว่า หุ้นไทยจะปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดได้ในเดือน เม.ย. ที่ 1,700 จุด เพราะเป็นช่วงที่ตลาดรับรู้ข่าวเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่ บริษัทจดทะเบียนจะทยอยประกาศจ่ายเงินปันผลและเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลเข้า ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนขายทำกำไรในช่วงเวลาดังกล่าว และรอดูตัวเลขกำไรบริษัทจดทะเบียนว่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อนหรือไม่


ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว

"ในเชิงเทคนิค บล.ทิสโก้ มองว่า ระดับดัชนีหุ้นไทยที่ 1,700 จุด เป็นจุดที่ผ่านยาก แต่ถ้ากำไรของบริษัทจดทะเบียนในครึ่งปีหลังประกาศออกมาดี ก็มีโอกาสที่ SET จะไปแตะถึง 1,750-1,850 จุด ได้ในช่วงปลายปี ซึ่งส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนต่างชาติจะเริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทย ซึ่ง บล.ทิสโก้ ประเมินว่า จะกลับเข้ามาซื้อประมาณ 1 แสนล้านบาทในปีนี้ หลังจาก 6 ปีก่อนหน้า ขายไปถึง 6.8 แสนล้านบาท" นายวิวัฒน์ กล่าว

สำหรับในเชิงพื้นฐาน บล.ทิสโก้ ประเมินว่า ดัชนีหุ้นไทยปลายปีจะอยู่ที่ 1,750 จุด โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาหุ้นหลายประเทศที่เข้าใกล้ค่าเฉลี่ย ขณะที่ ธนาคารกลางต่าง ๆ มีแนวโน้มดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่ง บล.ทิสโก้ ประเมินว่า Fed จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติมีโอกาสเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงประเทศไทย

นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของปัจจัยลบที่ต้องจับตามอง คือ เรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่คาดว่าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อน และล่าสุด ฝ่ายวิจัย บล.ทิสโก้ ยังได้ปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2562 มาอยู่ที่ 112.69 บาทต่อหุ้น ลดลงจากประมาณการณ์ต้นปีประมาณ 2.15% แต่เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่คาดว่า บริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรอยู่ที่ 106.82 บาทต่อหุ้น สาเหตุที่ปรับลดส่วนหนึ่งเพราะมีปัจจัยเรื่องการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท ซึ่งกดดันกำไรสุทธิในกลุ่มส่งออก ขณะเดียวกันราคาพลังงานก็ปรับลดลงด้วย

ส่วนราคาน้ำมันในปีนี้ คาดว่า ราคาน้ำมัน WTI และ Brent จะเฉลี่ยอยู่ที่ 53-62 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลงประมาณ 20% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันปีก่อน ด้านราคาทองคำ มองแนวต้านราคาปี 2562 ไว้ที่ 1,380 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ แนวรับที่ 1,275 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ โดยมีปัจจัยหนุนจาก Fed อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยหุ้นโลกผันผวน และเศรษฐกิจในปี 2563 จะเริ่มตึงตัวขึ้นจากปีนี้

โปรโมทแทรกอีบุ๊ก